แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยตกลงยินยอมตามเงื่อนไขในการใช้บัตรเครดิตที่โจทก์คิดค่าธรรมเนียมชำระหนี้ล่าช้าในอัตรา ต่อเดือนตามที่โจทก์ประกาศและโจทก์จะพิจารณาเปลี่ยนแปลงอัตราค่าธรรมเนียมชำระหนี้ล่าช้าได้โดยไม่ต้องแจ้งให้จำเลยทราบเช่นนี้เห็นได้ว่าค่าธรรมเนียมชำระหนี้ล่าช้ามิใช่ดอกเบี้ย แต่เป็นเบี้ยปรับ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อประเภทบัตรเครดิต จำเลยสมัครเป็นสมาชิกบัตรสินเชื่อของโจทก์ โดยจำเลยตกลงจะชำระเงินให้แก่โจทก์ตามที่โจทก์ได้ออกเงินทดรองจ่ายแทนจำเลยพร้อมทั้งค่าธรรมเนียม ในการเบิกถอนเงินสดภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ระบุไว้ในใบแจ้งยอดบัญชีรายเดือนหรือวันที่โจทก์กำหนดไว้ใน ใบแจ้งยอดบัญชีรายเดือน หากจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ภายในกำหนด จำเลยยอมชำระค่าธรรมเนียมชำระหนี้ล่าช้าในอัตราต่อเดือนตามที่ประกาศ จำเลยนำบัตรเครดิตไปใช้ตามข้อตกลงหลายครั้งและค้างชำระหนี้แก่โจทก์ จำเลยต้อง รับผิดชำระเงินพร้อมค่าธรรมเนียมชำระหนี้ล่าช้าเป็นดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน ๑๘๒,๘๔๖.๗๒ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี จากต้นเงิน ๑๔๕,๙๓๔.๙๒ บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์คิดค่าธรรมเนียมชำระหนี้ล่าช้าโดยไม่ชอบเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดโดยจำเลย ไม่ตกลงด้วย ยอดหนี้ตามฟ้องสูงเกินความจริง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๑๕๕,๘๒๕.๗๘ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปีของต้นเงิน ๑๔๕,๙๓๔.๙๒ บาท นับแต่วันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๔๐ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยสมัครเป็นสมาชิกบัตรเครดิตของโจทก์โดยตกลงยินยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขและ ข้อกำหนดซึ่งจำเลยจะได้รับพร้อมกับบัตรเครดิตแต่ละฉบับ การที่จำเลยนำบัตรเครดิตไปใช้เป็นการแสดงเจตนา โดยปริยายว่าจำเลยตกลงยินยอมตามเงื่อนไขและข้อกำหนดการใช้บัตรเครดิตนั้นแล้ว เงื่อนไขในการใช้บัตรเครดิต ที่โจทก์คิดค่าธรรมเนียมชำระหนี้ล่าช้าในอัตราต่อเดือนตามที่โจทก์ประกาศและโจทก์จะพิจารณาเปลี่ยนแปลงอัตรา ค่าธรรมเนียมชำระหนี้ล่าช้าได้โดยไม่ต้องแจ้งให้จำเลยทราบจึงใช้บังคับแก่จำเลยได้ ตามวิธีการใช้บัตรเครดิต เมื่อจำเลยนำบัตรเครดิตไปใช้โจทก์จะชำระหนี้แทนจำเลย จำเลยมีหน้าที่ต้องชำระเงินคืนโจทก์ภายในกำหนด หากจำเลยผิดนัดไม่ชำระเงินคืนภายในกำหนดโจทก์จึงจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมชำระหนี้ล่าช้า จึงเห็นได้ว่า ค่าธรรมเนียมชำระหนี้ล่าช้ามิใช่ดอกเบี้ย แต่เป็นเบี้ยปรับ ซึ่งไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายกำหนดอัตราไว้ โจทก์จึงมีสิทธิคิดค่าธรรมเนียมชำระหนี้ล่าช้าจากจำเลยในอัตราร้อยละ ๕ ต่อเดือนตามที่โจทก์ประกาศกำหนดเป็นอัตราสำหรับลูกค้าของโจทก์ทุกคนได้
พิพากษายืน คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาส่วนที่เกิน ๗๙๗.๕๐ บาท ให้แก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียม ชั้นฎีกาให้เป็นพับ.