แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม ทนายโจทก์ได้รับสำเนาแล้วแถลงคัดค้านว่าทนายจำเลยยื่นบัญชีระบุพยานเกินระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดแล้วศาลชั้นต้นเห็นว่าเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นสำคัญแห่งคดีเป็นไปโดยเที่ยงธรรม จึงมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมได้ การแถลงคัดค้านของโจทก์ดังกล่าวเป็นการคัดค้านเพื่อประกอบดุลพินิจของศาลชั้นต้นก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตต่อไปเท่านั้น เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมได้ คำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา หากโจทก์ไม่เห็นด้วยโจทก์ต้องโต้แย้งคำสั่งดังกล่าวให้ปรากฏไว้ จึงจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2) ประกอบพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153 แต่หลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมได้แล้วไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้โต้แย้งก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ โจทก์จะถือเอาคำแถลงคัดค้านของโจทก์ที่ศาลชั้นต้นจดไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเป็นการโต้แย้งคำสั่งโดยปริยายหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาตามยอมของศาลแพ่ง คำนวณถึงวันฟ้องเป็นเงินทั้งสิ้น 2,761,986 บาท หลังจากศาลพิพากษาตามยอมแล้ว จำเลยไม่ชำระหนี้ โจทก์ขอออกหมายบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 88482เนื้อที่ 67 ตารางวา พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้แล้วแต่ที่ดินแปลงดังกล่าวจดทะเบียนจำนองแก่ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)เป็นเงิน 5,000,000 บาท และมีหนี้ค้างชำระสูงกว่าราคาที่ดินตามที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาไว้ นอกจากนี้จำเลยไม่มีทรัพย์สินอย่างใดอย่างหนึ่งที่จะพึงยึดมาชำระหนี้ได้ ขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย
จำเลยให้การว่า จำเลยมีทรัพย์สินพอที่จะชำระหนี้ให้แก่โจทก์ได้และมิใช่เป็นคนมีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา จำเลยยื่นคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมครั้งที่ 1โดยอ้างในคำร้องว่า เพื่อแสดงหลักฐานฐานะของจำเลย แต่โจทก์โต้แย้งคัดค้านศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมครั้งที่ 1 ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้จำเลยระบุพยานเพิ่มเติมและอุทธรณ์คำพิพากษา
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 แผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมได้เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้โต้แย้งคำสั่งดังกล่าวก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา แต่โจทก์กลับมาโต้แย้งภายหลังศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วเช่นนี้ เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 ประกอบพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 153 ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไม่รับวินิจฉัยให้ และพิพากษายืนในคำพิพากษาฉบับเดียวกัน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงปรากฏจากรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2541 ว่า ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม ทนายโจทก์ได้รับสำเนาแล้ว แถลงคัดค้านว่าทนายจำเลยยื่นบัญชีระบุพยานเกินระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดแล้ว ศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่าเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นสำคัญแห่งคดีเป็นไปโดยเที่ยงธรรม จึงมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมได้ ศาลฎีกาเห็นว่า การแถลงคัดค้านของโจทก์ดังกล่าวเป็นการคัดค้านเพื่อประกอบดุลพินิจของศาลชั้นต้นก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตต่อไปเท่านั้น เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมได้ คำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาหากโจทก์ไม่เห็นด้วยโจทก์ต้องโต้แย้งคำสั่งดังกล่าวให้ปรากฏไว้จึงชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2) ประกอบพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153 แต่คดีนี้หลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมได้แล้ว ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้โต้แย้งก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2) ประกอบพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 153 โจทก์จะถือเอาคำแถลงคัดค้านของโจทก์ที่ศาลชั้นต้นจดไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเป็นการโต้แย้งคำสั่งโดยปริยาย ดังที่โจทก์ฎีกาหาได้ไม่
พิพากษายืน