แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์มีผู้ร่วมจับกุมจำเลยเป็นพยานเบิกความประกอบกันว่าก่อนจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับก่อนว่า ล. จะนำเมทแอมเฟตามีนไปส่งมอบแก่จำเลยที่บริเวณคลองส่งน้ำด้านทิศเหนือของหมู่บ้านเพื่อ นำไปจำหน่ายในช่วงเวลาจับกุม จำเลยที่ 2 เป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์โดยจำเลยที่ 1 นั่งซ้อนท้าย และจำเลยที่ 1 เป็นผู้ล้วงเอาเมทแอมเฟตามีนของกลางในกระเป๋ากางเกงของตนออกมาทิ้งลงข้างตัว แต่พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมีแต่คำรับที่จำเลยที่ 2 เคยให้การในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนโดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสืบประกอบเพื่อให้ฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ทั้งในชั้นพิจารณาจำเลยที่ 2 ได้ให้การรับสารภาพเฉพาะ ในข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนและมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ใน ครอบครองเพื่อเสพ แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและเมทแอมเฟตามีนของกลางมีเพียง 5 เม็ด ไม่มากเกินกว่าที่จะมีไว้ เพื่อเสพ ประกอบกับจำเลยที่ 2 ได้เสพเมทแอมเฟตามีนมาก่อนถูกจับกุมพยานหลักฐานของโจทก์ยังมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีของกลางเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยที่ 2 ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง ข้อเท็จจริงฟังได้เพียงว่า จำเลยที่ 2 เสพเมทแอมเฟตามีนและ มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเท่านั้น
จำเลยที่ 1 ถูกจับกุมพร้อมกับจำเลยที่ 2 ในเหตุการณ์เดียวกันข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 เป็นอย่างเดียวกันและเป็นการนำสืบในข้อหาเดียวกันกับกรณีของจำเลยที่ 2 ดังนั้น จึงฟังได้เพียงว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 67ซึ่งมีโทษเบากว่ามีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามมาตรา 66 วรรคหนึ่ง และเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี แม้จำเลยที่ 1มิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบด้วย มาตรา 225
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2541 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงจำเลยทั้งสองได้เสพเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1ด้วยวิธีรับประทานเข้าสู่ร่างกาย อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และจำเลยทั้งสองกับพวกที่หลบหนีอีกหนึ่งคนได้ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน5 เม็ด น้ำหนัก 0.45 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยจำเลยทั้งสองกับพวกไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือเฉพาะรายจากรัฐมนตรีตามกฎหมายขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4,7, 8, 15, 57, 66, 91, 102
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนและมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อเสพ แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15, 57, 66 วรรคหนึ่ง, 91 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 ข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีน จำคุกคนละ 1 ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 6 เดือน ข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกคนละ 5 ปี รวมจำคุกคนละ 5 ปี 6 เดือน
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกคนละ 3 ปี 4 เดือน รวมจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 3 ปี 10 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุดังฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยที่ 2 พร้อมยึดเมทแอมเฟตามีนจำนวน 5 เม็ด เป็นของกลาง โดยจำเลยที่ 2 เสพเมทแอมเฟตามีนมาแล้ว
มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ประการแรกว่า จำเลยที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่โจทก์มีร้อยตำรวจเอกอัมรินทร์ ถ่ายสูงเนิน ร้อยตำรวจตรีสวง มณีทิพย์ และสิบตำรวจตรีสุวรรณ สงสุแก ผู้ร่วมจับกุมจำเลยที่ 2 เป็นพยานเบิกความประกอบกันว่า ก่อนจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับก่อนว่า นายล่อน ไม่ทราบนามสกุล ราษฎรหมู่บ้านโนนอุดมจะนำเมทแอมเฟตามีนไปส่งมอบแก่จำเลยทั้งสองที่บริเวณคลองส่งน้ำด้านทิศเหนือของหมู่บ้านดังกล่าวเพื่อนำไปจำหน่ายในช่วงเวลาจับกุมจำเลยที่ 2 เป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์ โดยจำเลยที่ 1 นั่งซ้อนท้ายและจำเลยที่ 1 เป็นผู้ล้วงเอาเมทแอมเฟตามีนของกลางในกระเป๋ากางเกงของตนออกมาทิ้งลงข้างตัว ในชั้นจับกุมจำเลยที่ 2 รับว่า จะนำเมทแอมเฟตามีนของกลางไปจำหน่ายแก่กลุ่มวัยรุ่นที่งานวัดในหมู่บ้านหนองหลักตามบันทึกการจับกุม เอกสารหมาย จ.1 และร้อยตำรวจเอกคมสันต์ พันธ์รักษา พนักงานสอบสวนพยานโจทก์อีกปากหนึ่งเบิกความว่า จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพเหมือนกับในชั้นจับกุมตามบันทึกคำให้การเอกสารหมาย จ.6 เห็นว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบดังกล่าวมีแต่คำรับที่จำเลยที่ 2 เคยให้การในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนโดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นนอกเหนือจากคำรับดังกล่าวมาสืบประกอบเพื่อให้ฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ทั้งในชั้นพิจารณาจำเลยที่ 2 ได้ให้การรับสารภาพเฉพาะในข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนและมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อเสพ แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและเมทแอมเฟตามีนของกลางมีเพียง 5 เม็ด ไม่มากเกินกว่าที่จะมีไว้เพื่อเสพประกอบกับจำเลยที่ 2 ได้เสพเมทแอมเฟตามีน มาก่อนถูกจับกุม ดังนั้น ข้ออ้างของจำเลยที่ 2 ที่ว่า มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อเสพอาจเป็นจริงได้ พยานหลักฐานของโจทก์ยังมีความสงสัยตามสมควรว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีของกลางเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง ข้อเท็จจริงฟังได้เพียงว่า จำเลยที่ 2เสพเมทแอมเฟตามีน และมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเท่านั้น
ส่วนที่จำเลยที่ 2 ฎีกาประการสุดท้ายขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษจำคุกนั้น เห็นว่า จำเลยที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพียง 5 เม็ด และไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยที่ 2 เพื่อให้โอกาสได้กลับตัวเป็นพลเมืองดีต่อไป
อนึ่ง จำเลยที่ 1 ถูกจับกุมพร้อมกับจำเลยที่ 2 ในเหตุการณ์เดียวกันข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 เป็นอย่างเดียวกันและเป็นการนำสืบในข้อหาเดียวกันกับกรณีของจำเลยที่ 2 ดังนั้น จึงฟังได้เพียงว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 67 เท่านั้น ซึ่งมีโทษเบากว่ามีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามมาตรา 66 วรรคหนึ่ง และเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี แม้จำเลยที่ 1 มิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225 ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยที่ 1 เช่นเดียวกันกับกรณีของจำเลยที่ 2
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 57, 67, 91ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 ข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนจำคุกคนละ 1 ปี และปรับคนละ 10,000 บาท ข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง จำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน และปรับคนละ 20,000 บาท จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพทั้งสองข้อหานี้เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่งแล้วข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีน จำคุกคนละ 6 เดือน และปรับคนละ 5,000 บาท ข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง จำคุกคนละ 9 เดือน และปรับคนละ 10,000 บาท รวมจำคุกคนละ 15 เดือน และปรับคนละ 15,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 มีกำหนดคนละ 2 ปี หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30