คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 873/2521

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ส. ใช้ไม้เหลี่ยมยาว 1 ศอก ตีจำเลย จำเลยใช้ปืนยิง2 นัด ส. ตายเป็นป้องกันเกินกว่าเหตุ แม้จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ยิงหน้าที่โจทก์นำสืบตามฟ้อง เมื่อได้ความว่าจำเลยยิงป้องกัน แต่เกินกว่าเหตุศาลลงโทษและลดโทษได้

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 76, 78 จำคุก 8 ปี ส่วนความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯและพกอาวุธ จำคุกอีก 2 เดือน 20 วัน ปรับ 40 บาท ริบของกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 69 ป้องกันเกินกว่าเหตุ จำคุก 4 ปี โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ปัญหาต่อไปว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุหรือไม่ ข้อนี้ได้ความจากนายเกษมพยานโจทก์ว่าเมื่อรถสามล้อเครื่องแล่นมาถึงหัวเลี้ยวถนนนางลิ้นจี่ มีรถยนต์เก๋งจำเลยแล่นปาดหน้า แล้วผู้ตายลงจากรถเดินเข้าไปหารถจำเลยจึงถูกยิงและนายศิริพงษ์สุขสงเคราะห์ พยานโจทก์ว่าเห็นรถยนต์เก๋งจำเลยแซงรถสามล้อเครื่องผู้ตายแล้วผู้ตายลงจากรถหยิบไม้สี่เหลี่ยมยาวประมาณ 1 ศอกเดินเข้าไปที่รถยนต์เก๋งแล้วใช้ไม้ตีคนในรถเก๋ง จึงได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด ผู้ตายล้มลง จากคำเบิกความของพยานโจทก์ทั้งสองก็ไม่ปรากฏว่า จำเลยด่าว่าหรือวิวาทอย่างใดกับผู้ตายก่อนเกิดเหตุเลย เพียงแต่รถยนต์ที่จำเลยนั่งมาขับปาดหน้าเท่านั้น ยังถือไม่ได้ว่าเป็นเรื่องสมัครใจวิวาททำร้ายร่างกาย ซึ่งกันและกันตามที่โจทก์ฎีกา ตามคำเบิกความของนายศิริพงษ์ สุขสงเคราะห์พยานโจทก์ว่าผู้ตายชะโงกหน้าเข้าไปในรถเก๋งของจำเลยแล้วใช้ไม้ตีคนในรถเก๋งซึ่งเป็นการเจือสมกับคำเบิกความของจำเลยที่ว่าผู้ตายเดินถือไม้เหลี่ยมยาว 1 ศอกเศษเดินมาทางด้านซ้ายรถที่จำเลยนั่งอยู่ แล้วใช้ไม้ตีนายยงยุทธและจำเลย จำเลยร้องห้ามและพยายามผลักไม้และหลบศีรษะ ผู้ตายก็ยังตีจำเลยอีก ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่าก่อนที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย ผู้ตายได้ชะโงกหน้าเข้าไปใช้ไม้ตีนายยงยุทธและจำเลยหลายที จำเลยจึงยิงผู้ตายขณะที่ใช้ไม้ตีดังนี้จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะกระทำเพื่อป้องกันตนได้ แต่การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายซึ่งมีเพียงไม้เป็นอาวุธเท่านั้น เห็นได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบด้วยรูปคดีแล้ว ฎีกาโจทก์และจำเลยฟังไม่ขึ้น

ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้ยิงผู้ตาย ไม่ได้อ้างว่ากระทำเพื่อป้องกันตัว และศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวไม่ชอบด้วยเหตุผลและข้อเท็จจริงนั้น เห็นว่าเป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องนำสืบให้ได้ความตามฟ้อง เมื่อศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงได้ความว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกัน ก็มีอำนาจที่จะฟังว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวได้ไม่ขัดต่อเหตุผลและข้อต่อสู้ของจำเลยแต่อย่างใดฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน

ส่วนฎีกาของจำเลยเกี่ยวกับความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ นั้น ความผิดนี้จำเลยมิได้อุทธรณ์โต้แย้งไว้แต่อย่างใด ความผิดฐานนี้จึงยุติในชั้นศาลชั้นต้นแล้ว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”

พิพากษายืน

Share