คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2801-2802/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้ลูกระเบิดชนิดซ้อมขว้างแบบเอ็ม 21 อยู่ในสภาพใช้การไม่ได้เพราะไม่ได้บรรจุชนวนถูกทำลายและวัตถุระเบิด ไม่เป็นเครื่องกระสุนปืนก็ตาม แต่ปรากฏตามรายงานการตรวจพิสูจน์ของผู้ตรวจพิสูจน์ว่า ลูกระเบิดซ้อมขว้างของกลางอยู่ในสภาพที่ใช้การได้ จึงต้องฟังว่าลูกระเบิดดังกล่าวใช้การได้ ทั้ง พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 4(2) หาได้บัญญัติว่าลูกระเบิดที่จะเป็นเครื่องกระสุนปืนตามบทวิเคราะห์ศัพท์จะต้องทำอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้จึงจะเป็นเครื่องกระสุนปืนไม่ดังนั้น เมื่อเป็นลูกระเบิดที่ใช้การได้ แม้จะไม่มีอานุภาพทำลายล้างไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ก็เป็นเครื่องกระสุนปืนตามความหมายของพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ
การมีเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7,72 วรรคสอง ส่วนการมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองเป็นความผิดตามมาตรา 55,78 วรรคหนึ่งย่อมเห็นเจตนารมณ์ของกฎหมายได้ว่ามีความประสงค์จะแยกความผิดสองฐานนี้ออกจากกัน และความผิดสองฐานนี้แยกออกได้จากการกระทำผิดฐานผลิตกับมีเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีนไว้ในครอบครองเพื่อขาย แม้ครอบครองในเวลาเดียวกันก็เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน แต่ความผิดฐานผลิตกับมีเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีนไว้ในครอบครองเพื่อขายนั้น โจทก์บรรยายฟ้องว่าเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีนที่จำเลยผลิตเป็นจำนวนเดียวกับที่มีไว้ในครอบครองเพื่อขายแม้โจทก์จะขอให้ลงโทษเป็นสองกรรมแต่การกระทำในส่วนนี้เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนนี้ศาลชั้นต้นสั่งให้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกัน

โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันผลิตด้วยการทำผสม ปรุง และแบ่งบรรจุเมทแอมเฟตามีนกับอีเฟดรีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 โดยผลิตเมทแอมเฟตามีนผสมอีเฟดรีนและคาเฟอีนเป็นเม็ด ผลิตเมทแอมเฟตามีนผสมคาเฟอีน ผลิตเมทแอมเฟตามีนผสมอีเฟดรีนเป็นผลึก รวมเป็นเมทแอมเฟตามีนหนัก 453.8 กรัม อีเฟดรีนหนัก171.6 กรัม ผลิตอีเฟดรีนผสมเมทแอมเฟตามีนและคลอร์ซูโดอีเฟดรีนจำนวน 1 หม้อ และผลิตอีเฟดรีนผสมคลอร์ซูโดอีเฟดรีนโดยไม่ได้รับอนุญาตและจำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีนดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อขาย ซึ่งเมทแอมเฟตามีนเกินกว่าปริมาณ 0.500 กรัมที่รัฐมนตรีกำหนดโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย กับจำเลยทั้งสองร่วมกันมีลูกระเบิดชนิดซ้อมขว้างของกองทัพอากาศไทยจำนวน 1 ลูก ลูกระเบิดชนิดซ้อมขว้างแบบเอ็ม 21 จำนวน 1 ลูก ลูกระเบิดชนิดควันสีม่วงแบบเอ็ม 18 จำนวน 1 ลูก กระสุนปืนเล็กกลขนาด .223 จำนวน 400 นัดอยู่ในสภาพใช้การได้ และใช้ยิงได้ ซึ่งเป็นเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายและจำเลยทั้งสองร่วมกันมีกระสุนปืนออโตเมติกขนาด .45 จำนวน95 นัด กระสุนปืนลูกกรดขนาด .22 จำนวน 60 นัด หัวกระสุนปืนรีวอลเวอร์ขนาด .38 และหัวกระสุนปืนออโตเมติกขนาด .45 มีน้ำหนักรวม 20 กิโลกรัมชนวนท้ายกระสุนปืนหรือแก๊ป 1,600 ชิ้น ดินส่งกระสุนปืนหนัก 2.8 กิโลกรัมไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 5, 6, 13 ทวิ,59, 62, 89, 106, 106 ทวิ, 116 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 4, 7, 55,72, 78 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91 โดยนับโทษต่อกันและริบของกลาง

จำเลยที่ 1 ให้การรับว่ามีวัตถุออกฤทธิ์ไว้ในครอบครอง แต่ปฏิเสธว่ามิได้ผลิตและขาย และรับว่ามีกระสุนปืนเล็กกลและกระสุนปืนออโตเมติกไว้ในครอบครองปฏิเสธข้อหาอื่น จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธทุกข้อหา

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 89 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 วรรคสอง, 55, 78 (ที่ถูกมาตรา 78 วรรคหนึ่ง) เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานผลิตวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 และฐานขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 จำคุกกระทงละ 20 ปี ฐานมีเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 5 ปี ฐานมีเครื่องกระสุนปืน ประเภท ชนิด ที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ จำคุก 5 ปี รวมจำคุก 50 ปี ริบของกลาง ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2

โจทก์และจำเลยที่ 1 ทั้งสองสำนวนอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ด้วย จำเลยที่ 1 กระทำความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีไว้เพื่อขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 จำคุก 10 ปีฐานมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้จำคุก 3 ปี ฐานมีเครื่องกระสุนปืนจำคุก 1 ปี ความผิดฐานนี้จำเลยที่ 1ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน รวมกับโทษในความผิดฐานผลิตวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ที่จำคุก 20 ปี แล้วเป็นจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 33 ปี6 เดือน จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 89 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 จำคุก 20 ปี กระสุนปืนลูกกรดและปลอกลูกระเบิดชนิดขว้างแบบเอ็มเค 2 ของกลางไม่ริบ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาต้องวินิจฉัยประการที่สามตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า ลูกระเบิดซ้อมขว้างของกองทัพอากาศไทยและลูกระเบิดชนิดซ้อมขว้างแบบเอ็ม 21 ของกลางใช้การไม่ได้เพราะไม่มีดินระเบิดและลูกระเบิดควันของกลางไม่มีอานุภาพทำลายล้างไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน จึงไม่เป็นเครื่องกระสุนปืนหรือไม่ เห็นว่า แม้ลูกระเบิดชนิดซ้อมขว้างแบบเอ็ม 21 อยู่ในสภาพใช้การไม่ได้เพราะชนวนถูกทำลายและวัตถุระเบิดไม่มีบรรจุอยู่ไม่เป็นเครื่องกระสุนปืนก็ตาม แต่ได้ความตามรายงานการตรวจพิสูจน์ของพันตำรวจโทวิชัย กองปัญโญ พยานโจทก์ซึ่งเป็นผู้ตรวจพิสูจน์ลูกระเบิดของกลางว่า ลูกระเบิดซ้อมขว้างของกองทัพอากาศไทยของกลางอยู่ในสภาพที่ใช้การได้ จึงต้องฟังว่าลูกระเบิดดังกล่าวใช้การได้ พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 4(2)บัญญัติว่า “เครื่องกระสุนปืน” หมายความรวมตลอดถึงกระสุนโดดกระสุนปราย กระสุนแตก ลูกระเบิด ตอร์ปิโด ทุ่นระเบิดและจรวด ทั้งชนิดที่มีหรือไม่มีกรดแก๊ส เชื้อเพลิง เชื้อโรค ไอพิษ หมอกหรือควัน หรือกระสุนลูกระเบิด ตอร์ปิโด ทุ่นระเบิดและจรวดที่มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกันหรือเครื่องหรือสิ่งสำหรับอัดหรือทำ หรือใช้ประกอบเครื่องกระสุนปืนหาได้บัญญัติว่าสิ่งต่าง ๆ ดังกล่าวจะต้องทำอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ จึงจะเป็นเครื่องกระสุนปืนไม่ เมื่อลูกระเบิดซ้อมขว้างของกองทัพอากาศไทยและลูกระเบิดควันของกลางทั้งสองลูกนี้เป็นลูกระเบิดที่ใช้การได้แม้จะไม่มีอานุภาพทำลายล้าง ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินก็เป็นเครื่องกระสุนปืนตามความหมายของพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นอีกเช่นกัน

ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ประการสุดท้ายว่า การกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 ทั้งสี่ฐานเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันหรือไม่ เห็นว่าความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทกับความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มีวัตถุแห่งการกระทำความผิดแตกต่างกัน กฎหมายบัญญัติเป็นความผิดไว้คนละฉบับและการมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7, 72 วรรคสอง ส่วนการมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองเป็นความผิดตามมาตรา 55, 78 วรรคหนึ่ง ย่อมเห็นเจตนารมณ์ของกฎหมายได้ว่ามีความประสงค์จะแยกความผิดสองฐานนี้ออกจากกัน และการกระทำความผิดสองฐานดังกล่าวแยกออกได้จากการกระทำความผิดฐานผลิตกับมีเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีนไว้ในครอบครองเพื่อขาย ฉะนั้น แม้จำเลยที่ 1 จะมีเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวไว้ในครอบครองในเวลาเดียวกันและพร้อมกับที่จำเลยที่ 1 ผลิตและมีเมทแอมเฟตามีนกับอีเฟดรีนไว้ในครอบครองเพื่อขาย ก็เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน แต่ความผิดฐานผลิตกับมีเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีนไว้ในครอบครองเพื่อขายนั้น โจทก์บรรยายฟ้องว่าเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีนที่จำเลยที่ 1 ผลิตเป็นจำนวนเดียวกับเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีนที่จำเลยที่ 1 มีไว้ในครอบครองเพื่อขาย แม้โจทก์จะขอให้ลงโทษเป็นสองกรรม แต่การกระทำของจำเลยที่ 1 ส่วนนี้เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ฟังข้อเท็จจริงว่าเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีนที่จำเลยที่ 1 มีไว้ในครอบครองเพื่อขายบางส่วนมิใช่เมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีนที่จำเลยที่ 1 ผลิต และลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองเพื่อขายเป็นอีกกระทงหนึ่งจึงเป็นการพิพากษาที่มิได้กล่าวในฟ้อง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคหนึ่งปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้ ฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อนี้ฟังขึ้นบางส่วน”

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานผลิตและมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองเพื่อขาย เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานผลิตวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว จึงคงจำคุกจำเลยที่ 1 ทั้งสิ้น 23 ปี 6 เดือน นอกจากนี้ที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

Share