แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อสัญญาประกันชีวิตที่ฟ้องในคดีนี้กับคดีก่อนเป็นสัญญาคนละฉบับซึ่งมีข้อกำหนดและเงื่อนไขแยกจากกันได้เช่นนี้ กรณีจึงถือได้ว่าฟ้องโจทก์คดีนี้มิได้อาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีก่อน ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 504,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 12 ต่อปี ในต้นเงิน 400,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์ที่เหลือให้สิ้นกระแสความ แล้วมีคำพิพากษาใหม่รวมทั้งสั่งค่าฤชาธรรมเนียมตามรูปคดี ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ โดยกำหนดค่าทนายความ 8,000 บาท แทนโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า นางประมวญ มารดาโจทก์ ได้ทำสัญญาประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์จำนวน 200,000 บาท โดยในวันทำสัญญาดังกล่าวนางประมวญได้ทำสัญญาพิเศษเพิ่มเติมเฉพาะกาล จำนวนเงินเอาประกันภัย 200,000 บาท และสัญญาพิเศษเพิ่มเติมคุ้มครองการเสียชีวิต ทุพพลภาพ และโรคร้ายแรง จำนวนเงินเอาประกันภัย 200,000 บาท กับจำเลยด้วย ต่อมาในระหว่างอายุสัญญานางประมวญถึงแก่กรรม โจทก์ในฐานะผู้รับประโยชน์ได้ฟ้องจำเลยขอให้ใช้ค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ต่อศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ตามฟ้อง ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 990/2543 ของศาลชั้นต้น และคดีดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว หลังจากนั้นโจทก์มาฟ้องจำเลยขอเรียกค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาพิเศษเพิ่มเติมเฉพาะกาล และสัญญาพิเศษเพิ่มเติมคุ้มครองการเสียชีวิต ทุพพลภาพ และโรคร้ายแรงเป็นคดีนี้
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประเด็นแรกมีว่า คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 990/2543 ของศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า แม้สัญญาประกันชีวิตที่โจทก์ฟ้องในคดีก่อนและสัญญาประกันชีวิตในคดีนี้ทำขึ้นในวันเดียวกัน และรวมอยู่ในกรมธรรม์ประกันภัยฉบับเดียวกันคือกรมธรรม์เลขที่ 31035235 ก็ตาม แต่ก็เป็นสัญญาที่แยกต่างหากจากกันได้ เนื่องจากสัญญาพิเศษเพิ่มเติมเฉพาะกาลและสัญญาพิเศษเพิ่มเติมคุ้มครองการเสียชีวิต ทุพพลภาพและโรคร้ายแรงที่ฟ้องในคดีนี้กับสัญญาประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ที่ฟ้องในคดีก่อนมีการกำหนดจำนวนเงินที่เอาประกันภัยแยกต่างหากจากกัน เบี้ยประกันภัยที่ต้องชำระในแต่ละสัญญาก็สามารถแยกได้เป็นคนละจำนวนเพียงแต่ถึงกำหนดชำระพร้อมกันเท่านั้น เงื่อนไขในการคุ้มครองตามที่ระบุไว้ในแต่ละสัญญาก็ยังแตกต่างกันอีกด้วย ดังนั้นสัญญาที่ฟ้องในคดีนี้กับคดีก่อนจึงไม่ใช่สัญญาฉบับเดียวกัน ที่จำเลยฎีกาว่า สัญญาประกันชีวิตในคดีนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสัญญาประกันชีวิตในคดีก่อน โดยอ้างว่าหากผู้เอาประกันชีวิตไม่ซื้อสัญญาประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ก็ไม่สามารถซื้อสัญญาพิเศษเพิ่มเติมต่างๆ ได้นั้น เห็นว่า ข้ออ้างดังกล่าวเป็นเพียงเงื่อนไขในการขายประกันเพิ่มเติมแบบต่างๆ ของจำเลยเท่านั้น มิใช่เหตุผลที่ชี้ว่าเป็นสัญญาฉบับเดียวกัน และที่จำเลยอ้างมาในฎีกาอีกว่าหากสัญญาประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ตกเป็นโมฆะหรือโมฆียะ สัญญาพิเศษเพิ่มเติมก็จะตกเป็นโมฆะหรือเป็นโมฆียะตามไปด้วยนั้น เห็นว่า กรณีนี้มิได้มีกฎหมายใดกำหนดให้สัญญาประกันชีวิตแบบพิเศษในคดีนี้เป็นสัญญาอุปกรณ์ของสัญญาประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ที่ฟ้องในคดีก่อน ดังนั้น สัญญาประกันชีวิตแต่ละฉบับจึงมีความสมบูรณ์อยู่ในตัวเองหาได้ขึ้นต่อกันไม่ ส่วนคำพิพากษาศาลฎีกาที่จำเลยนำมาอ้างประกอบในฎีกาของจำเลยก็มีข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ เมื่อสัญญาประกันชีวิตที่ฟ้องในคดีนี้กับคดีก่อนเป็นสัญญาคนละฉบับซึ่งมีข้อกำหนดและเงื่อนไขแยกจากกันได้ เช่นนี้ กรณีจึงถือได้ว่าฟ้องโจทก์คดีนี้มิได้อาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีก่อน ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาว่าฟ้องโจทก์ไม่เป็นฟ้องซ้ำและย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไปแล้วมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดีนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่