แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำฟ้องของโจทก์อ้างเหตุการเลิกจ้าง จ. สองประการคือ ประการแรก จ. ฝ่าฝืนคำสั่งของโจทก์ที่สั่งให้ จ. ย้ายแผนก กับประการที่สอง จ. กระทำผิดซ้ำคำเตือนกรณีไม่ทำงานล่วงเวลา แม้จำเลยจะให้การต่อสู้เฉพาะประเด็นการให้ จ. ทำงานล่วงเวลาโดยไม่ได้กล่าวถึงประเด็น จ. ฝ่าฝืนคำสั่งของโจทก์ที่สั่งให้ จ. ย้ายไปทำงานในแผนกก๊าซคัทติ้ง และต้องถือว่าจำเลยรับข้อเท็จจริงว่า จ. ไม่ไปทำงานในแผนกก๊าซคัทติ้งในเวลาปกติก็ตาม แต่กรณีลูกจ้างฝ่าฝืนคำสั่งของนายจ้างศาลต้องพิจารณาด้วยว่าเป็นคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมหรือไม่ การที่ศาลแรงงานกลางรับฟังข้อเท็จจริงจากคำฟ้องและคำให้การในประเด็นนี้ว่า จ. ไม่ได้ย้ายไปทำงานในแผนกก๊าซคัทติ้งตามคำสั่งของโจทก์ แล้ววินิจฉัยว่าคำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่ได้วินิจฉัยนอกประเด็น
การโยกย้ายหน้าที่ลูกจ้างเป็นอำนาจบริหารจัดการของนายจ้าง โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างของ จ. ย่อมมีอำนาจย้าย จ. จากแผนกอะมะดะคัทติ้งไปทำงานที่แผนกก๊าซคัทติ้งได้ แม้ จ. ยังใช้เครื่องจักรไม่เป็นก็สามารถฝึกการใช้เครื่องจักรได้ และแม้ในระหว่างเวลาทำงานปกติช่วงวันเกิดเหตุ จ. ไม่สามารถฝึกใช้เครื่องจักรเพราะโจทก์ต้องใช้เครื่องจักรทำการผลิตสินค้า โจทก์ก็อาจจะมอบหมายให้ จ. ทำงานอื่นในแผนกก๊าซคัทติ้งไปพลางก่อนก็ได้ คำสั่งของโจทก์ที่สั่งให้ จ. ไปทำงานในเครื่องจักรที่โจทก์ทราบอยู่แล้วว่า จ. ไม่มีความสามารถใช้เครื่องจักรได้ และไม่มีเครื่องจักรให้ จ. ทำงานในเวลาปกติ เมื่อไม่ปรากฏว่าการสั่งให้ จ. ย้ายแผนกทำให้สภาพการจ้าง จ. ต่ำกว่าเดิม และการออกคำสั่งย้ายงานดังกล่าวโจทก์มีเจตนากลั่นแกล้ง จ. คำสั่งดังกล่าวของโจทก์จึงชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมแล้ว แต่เนื่องจากโจทก์รู้อยู่แล้วว่า จ. ใช้เครื่องจักรในแผนกก๊าซคัทติ้งไม่เป็น จะต้องฝึกการใช้เครื่องจักรก่อน เมื่อโจทก์ยังไม่เคยฝึกให้ จ. ใช้เครื่องจักร แม้ จ. จะย้ายไปทำงานที่แผนกก๊าซคัทติ้งก็ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ประจำเครื่องจักรได้เพราะขณะนั้นโจทก์ใช้เครื่องจักรเร่งผลิตสินค้า การฝ่าฝืนคำสั่งของ จ. ที่ไม่ย้ายไปทำงานในแผนกก๊าซคัทติ้งของวันเกิดเหตุจึงไม่ได้ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง หรืออาจจะเสียหายอย่างร้ายแรง ย่อมไม่เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมกรณีร้ายแรง
จ. มีเวลาทำงานปกติตั้งแต่เวลา 8.30 ถึง 17.30 นาฬิกา การที่โจทก์มีคำสั่ง ให้ จ. เข้าปฎิบัติการใช้เครื่องก๊าซคัทติ้งตั้งแต่เวลา 18 ถึง 20 นาฬิกา จึงเป็นการสั่งให้ จ. ทำงานนอกเวลาทำงานปกติ ซึ่งถือว่าสั่งให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลานั้นเอง เมื่อ จ. ไม่ยินยอมทำงานล่วงเวลา จะถือว่า จ. ฝ่าฝืนคำสั่งของโจทก์อันเป็นการกระทำผิดซ้ำคำเตือนไม่ได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเลิกจ้าง จ. ด้วยเหตุดังกล่าว โดยไม่จ่ายค่าชดเชย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของพนักงานตรวจแรงงานที่ 33/2542 ลงวันที่ 10 มีนาคม 2542
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่าคดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ประการแรกว่า ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยนอกประเด็นหรือไม่ เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์อ้างเหตุการเลิกจ้างนายจำลองสองประการคือ ประการแรกนายจำลองฝ่าฝืนคำสั่งของโจทก์ที่สั่งให้นายจำลองย้ายแผนก กับประการที่สองนายจำลองกระทำผิดซ้ำคำเตือนกรณีไม่ทำงานล่วงเวลา แม้จำเลยจะให้การต่อสู้เฉพาะประเด็นการให้นายจำลองทำงานล่วงเวลาโดยไม่ได้กล่าวถึงประเด็นนายจำลองฝ่าฝืนคำสั่งของโจทก์ที่สั่งให้นายจำลองย้ายไปทำงานในแผนกก๊าซคัทติ้งและต้องถือว่าจำเลยรับข้อเท็จจริงว่านายจำลองไม่ไปทำงานในแผนกก๊าซคัทติ้งในเวลาปกติก็ตาม แต่กรณีลูกจ้างฝ่าฝืนคำสั่งของนายจ้างศาลต้องพิจารณาด้วยว่าเป็นคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมหรือไม่ การที่ศาลแรงงานกลางรับฟังข้อเท็จจริงจากคำฟ้องและคำให้การในประเด็นนี้ว่านายจำลองไม่ได้ย้ายไปทำงานในแผนกก๊าซคัทติ้งตามคำสั่งของโจทก์ แล้ววินิจฉัยว่าคำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่ได้วินิจฉัยนอกประเด็น
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ต่อไปว่า คำสั่งของโจทก์ที่สั่งให้นายจำลองย้ายจากแผนกอะมะดะคัทติ้งไปทำงานที่แผนกก๊าซคัทติ้งในเวลาทำงานปกติเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมหรือไม่ เห็นว่า การโยกย้ายหน้าที่ลูกจ้างเป็นอำนาจบริหารจัดการของนายจ้าง ดังนั้นโจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างของนายจำลองย่อมมีอำนาจย้ายนายจำลองจากแผนกอะมะดะคัทติ้งไปทำงานที่แผนกก๊าซคัทติ้งได้แม้นายจำลองยังใช้เครื่องจักรไม่เป็นก็สามารถฝึกการใช้เครื่องจักรได้ และแม้ในระหว่างเวลาทำงานปกติในวันที่ 14 ถึงวันที่ 21 มกราคม 2542 นายจำลองไม่สามารถฝึกใช้เครื่องจักรเพราะโจทก์ต้องใช้เครื่องจักรทำการผลิตสินค้า โจทก์ก็อาจจะมอบหมายให้นายจำลองทำงานอื่นในแผนกก๊าซคัทติ้งไปพลางก่อนก็ได้ ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า คำสั่งของโจทก์ที่สั่งให้นายจำลองไปทำงานในเครื่องจักรที่โจทก์ทราบอยู่แล้วว่านายจำลองไม่มีความสามารถใช้เครื่องจักรได้ และไม่มีเครื่องจักรให้นายจำลองทำงานในเวลาปกติเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่เป็นธรรมนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา เมื่อไม่ปรากฏว่าการสั่งให้นายจำลองย้ายแผนกทำให้สภาพการจ้างนายจำลองต่ำกว่าเดิม และการออกคำสั่งย้ายงานดังกล่าวโจทก์มีเจตนากลั่นแกล้งนายจำลอง คำสั่งดังกล่าวของโจทก์จึงชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมแล้ว แต่เนื่องจาก โจทก์รู้อยู่แล้วว่านายจำลองใช้เครื่องจักรในแผกก๊าซคัทติ้งไม่เป็น จะต้องฝึกการใช้เครื่องจักรก่อน เมื่อโจทก์ยังไม่เคยฝึกให้นายจำลองใช้เครื่องจักร แม้นายจำลองจะย้ายไปทำงานที่แผนกก๊าซคัทติ้งก็ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ประจำเครื่องจักรได้เพราะขณะนั้นโจทก์ใช้เครื่องจักรเร่งผลิตสินค้า การฝ่าฝืนคำสั่งของนายจำลองที่ไม่ย้ายไปทำงานในแผนกก๊าซคัทติ้งในวันที่ 14 และวันที่ 15 มกราคม 2542 จึงไม่ได้ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง หรืออาจจะเสียหายอย่างร้ายแรง จึงไม่เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมกรณีร้ายแรง อุทธรณ์ของโจทก์ส่วนนี้ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า โจทก์จะอ้างเหตุที่นายจำลองฝ่าฝืนคำสั่งกรณีนี้ไม่จ่ายค่าชดเชยให้นายจำลองไม่ได้นั้น ศาลฎีกาเห็นด้วยในผล
มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ประการสุดท้ายว่า นายจำลองกระทำผิดซ้ำคำเตือนกรณีละทิ้งหน้าที่การทำงานล่วงเวลาอันทำให้โจทก์มีสิทธิเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยหรือไม่ ปรากฏว่าในหนังสือเลิกจ้างอ้างเหตุที่เลิกจ้างนายจำลองว่าละทิ้งการทำงานล่วงเวลาในวันที่ 15 มกราคม 2542 อันเป็นการกระทำผิดซ้ำคำเตือน จึงเห็นสมควรวินิจฉัยเสียก่อนว่า นายจำลองมีหน้าที่ต้องทำงานล่วงเวลาในวันที่ 15 มกราคม 2542 ในเวลา 18 ถึง 20 นาฬิกา หรือไม่ เห็นว่า นายจำลองมีเวลาทำงานปกติตั้งแต่เวลา 8.30 ถึง 17.30 นาฬิกา การที่โจทก์มีคำสั่งตามเอกสารหมาย จ.3 ให้นายจำลองเข้าปฏิบัติการใช้เครื่องก๊าซคัทติ้งตั้งแต่วันที่ 14 ถึงวันที่ 21 มกราคม 2542 ในเวลา 18 ถึง 20 นาฬิกา จึงเป็นการสั่งให้นายจำลองทำงานนอกเวลาทำงานปกติซึ่งถือว่าสั่งให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลานั้นเอง เมื่อนายจำลองไม่ยินยอมทำงานล่วงเวลาจะถือว่านายจำลองฝ่าฝืนคำสั่งของโจทก์อันเป็นการกระทำผิดซ้ำคำเตือนย่อมไม่ได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเลิกจ้างนายจำลองด้วยเหตุดังกล่าว โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย อุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.