แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 ขายฝากรถยนต์ 1 คัน ไว้แก่โจทก์ ครบกำหนดไถ่แล้วไม่ไถ่คืน โจทก์จึงโอนทะเบียนเป็นชื่อโจทก์ ใน ระหว่างขายฝากจำเลยที่ 1 ยืมรถยนต์ที่ขายฝากไปใช้ ว่าจะส่งคืนใน 3 วัน แล้วไม่ส่งคืน จำเลยที่ 2 เอารถยนต์นั้น ไปใช้ต่างจังหวัด จนรถยนต์ชำรุดเสียหาย ดังนี้ จำเลยที่ 2 ก็ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ด้วย เพราะเป็นการ ละเมิดสิทธิของโจทก์ แม้จำเลยที่ 2 จะไม่รู้ว่ามีการขายฝาก ก็ไม่เป็นข้อแก้ตัวไปได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ นำรถจิ๊บมาขายฝากไว้กับโจทก์ สัญญาไถ่คืนภายใน ๑ เดือน ครั้นครบกำหนดไม่ไุถ่ โจทก์จึง ได้กรรมสิทธิ ในระหว่างการขายฝาก จำเลยที่ ๑ ได้ขอยืมรถที่จายฝากไปใช้กำหนดส่งคืนภายใน ๓ วัน ครั้นครบกำหนด ไม่คืนต่อมาจำเลยที่ ๒ นำรถไปใช้ต่างจังหวัด ทำให้รถเสียหาย เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ จึงขอให้จำเลยใช้ค่าเสีย หาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้ง ๒ ใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ ๗,๐๐๐ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละ + ต่อไป นับแต่วันฟ้อง จนกว่าจะชำระเสร็จ ฯลฯ
โจทก์และจำเลยที่ ๒ อุทธรณ์,
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนในข้อที่ให้จำเลยทั้ง ๒ รับผิด แต่แก้ให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย ๙๐๐๐ บาท กับดอกเบี้ย
โจทก์และจำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว คดีได้ความตามฟ้องโจทก์เห็นว่าตามสัญญาและการปฏิบัติระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ เป็นการ ขายฝากตามกฎหมาย และการที่จำเลยที่ ๒ เอารถยนต์ที่ขายฝากไว้ไปใช้จนเกิดการเเสียหายนั้น จำเลยที่ ๒ ไม่พ้นจาก ความรับผิดต่อโจทก์ เพราะเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ การที่จำเลยไม่รู้ว่ามีการขายฝากไม่เป็นข้อแก้ตัวได้. ฯลฯ
จึงพิพากษายืน.