คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8609/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำเบิกความของเจ้าพนักงานตำรวจสอดคล้องต่อเนื่องกันเป็นไปตามลำดับตั้งแต่ร้อยตำรวจเอก ณ.ได้รับทราบจากสายลับว่าจำเลยเป็นผู้ลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จึงได้วางแผนจับกุมจำเลยโดยการล่อซื้อและนายดาบตำรวจ ป.กับสายลับได้ไปพบจำเลยและเจรจาตกลงซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยจนกระทั่งมีการนัดส่งมอบ เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนของกลาง อีกทั้งจำเลยก็ให้การรับสารภาพทั้งในชั้นจับกุมและในชั้นสอบสวน แม้โจทก์จะมิได้นำสายลับมาเบิกความเป็นพยานและมิได้นำเงินที่ใช้ในการล่อซื้อส่งอ้างเป็นพยาน พยานหลักฐานของโจทก์ก็มีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องจริง
จำเลยได้เจรจาตกลงจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่นายดาบตำรวจ ป.ผู้ล่อซื้อ 10 ถุง ถุงละ 200 เม็ด ในราคาถุงละ 14,000 บาทและก่อนที่เจ้าพนักงานตำรวจจะจับกุมจำเลยนั้น จำเลยได้ส่งมอบเมทแอมเฟตามีนของกลางตามที่ตกลงจำหน่ายให้แก่นายดาบตำรวจ ป.แล้ว การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนสำเร็จแล้ว ไม่ว่านายดาบตำรวจ ป.จะส่งมอบเงินตามที่ตกลงกันให้แก่จำเลยหรือไม่ก็ตาม เพราะการส่งมอบเงินที่ตกลงซื้อเมทแอมเฟตามีนไม่ใช่องค์ประกอบหรือสาระสำคัญของการกระทำความผิดดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายบทเดียวกันและมีอัตราโทษเท่ากัน ลงโทษฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 30 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 20 ปี ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า คำเบิกความของพยานโจทก์ทั้งสองสอดคล้องต่อเนื่องกันเป็นไปตามลำดับตั้งแต่ร้อยตำรวจเอกณรงค์ได้รับทราบจากสายลับว่าจำเลยเป็นผู้ลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จึงได้วางแผนจับกุมจำเลยโดยการล่อซื้อ และนายดาบตำรวจประทีปกับสายลับได้ไปพบจำเลยและเจรจาตกลงซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยจนกระทั่งมีการนัดส่งมอบ เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนของกลาง อีกทั้งจำเลยก็ให้การรับสารภาพทั้งในชั้นจับกุมและในชั้นสอบสวนตามบันทึกการจับกุม และบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาจึงเชื่อได้ว่าพยานโจทก์ทั้งสองเบิกความไปตามความจริง ฉะนั้น แม้โจทก์จะมิได้นำสายลับมาเบิกความเป็นพยานและมิได้นำเงินที่ใช้ในการล่อซื้อส่งอ้างเป็นพยานด้วยก็ตาม พยานหลักฐานของโจทก์ก็มีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องจริง ส่วนฎีกาของจำเลยที่ว่า ขณะจับกุมนายดาบตำรวจประทีปยังไม่ได้ส่งมอบเงินที่อ้างว่าใช้ซื้อเมทแอมเฟตามีนให้แก่จำเลย การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของกลางนั้น เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยได้เจรจาตกลงจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่นายดาบตำรวจประทีปผู้ล่อซื้อ 10 ถุง ถุงละ 200 เม็ด ในราคาถุงละ 14,000 บาท และก่อนที่เจ้าพนักงานตำรวจจะจับกุมจำเลยนั้น จำเลยได้ส่งมอบเมทแอมเฟตามีนของกลางตามที่ตกลงจำหน่ายให้แก่นายดาบตำรวจประทีปแล้ว การกระทำของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนสำเร็จแล้วไม่ว่านายดาบตำรวจประทีปจะส่งมอบเงินตามที่ตกลงกันให้แก่จำเลยหรือไม่ก็ตาม เพราะการส่งมอบเงินที่ตกลงซื้อเมทแอมเฟตามีนไม่ใช่องค์ประกอบหรือสาระสำคัญของการกระทำความผิดดังกล่าว และที่จำเลยฎีกาว่า ศาลล่างทั้งสองกำหนดโทษจำคุกสูงเกินไปขอให้กำหนดโทษใหม่เพื่อความเป็นธรรมแก่จำเลยนั้น เห็นว่า การกระทำความผิดของจำเลยเป็นอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยของสังคมอันเป็นความผิดที่ร้ายแรง ทั้งเมทแอมเฟตามีนของกลางมีจำนวนมากถึง 1,350 เม็ด ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจลงโทษจำเลยมานั้นเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share