คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1440/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยทั้งห้ากระทำความผิดฐานร่วมกันขนถ่ายน้ำมันในเขตต่อเนื่องโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติศุลกากรฯ มาตรา 37 ตรี หลังจากที่จำเลยลักลอบนำน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาในเขตต่อเนื่องแล้ว ซึ่งไม่แน่ชัดว่าจำเลยทั้งห้าขนถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเจตนาหลีกเลี่ยงการเสียภาษีหรือเจตนาอื่น จึงถือได้ว่าเป็นการกระทำความผิดโดยเจตนาต่างหากจากความผิดฐานอื่นเมื่อจำเลยทั้งห้าให้การรับสารภาพตามฟ้อง ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าการกระทำความผิดของจำเลยทั้งห้าในความผิดฐานนี้เป็นความผิดกรรมเดียว ส่วนความผิดฐานร่วมกันนำน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังไม่ได้เสียภาษีศุลกากรและภาษีสรรพสามิตเข้ามาในราชอาณาจักรตามพระราชบัญญัติศุลกากรฯ มาตรา 27 กับความผิดฐานร่วมกันขายหรือมีไว้เพื่อขาย ซึ่งน้ำมันเชื้อเพลิงที่มิได้เสียภาษีสรรพสามิตตามพระราชบัญญัติสรรพสามิตฯ มาตรา 162(1) เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทต่างพระราชบัญญัติกัน โดยมีเจตนาประสงค์ต่อผลแตกต่างกัน สามารถแยกการกระทำแต่ละความผิดได้จึงเป็นความผิดหลายกรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งห้าทุกกรรมเป็นกระทงความผิดตามที่โจทก์ฟ้องให้จำคุกสถานเดียวเมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาให้รอการลงโทษแต่กำหนดโทษปรับอีกสถานหนึ่ง ก็ยังทำให้จำเลยทั้งห้าไม่ต้องรับโทษจำคุกเป็นการที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ลงโทษเบากว่าศาลชั้นต้น กรณีไม่ใช่เป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย
จำเลยทั้งห้ามีอาชีพรับจ้าง การกระทำของจำเลยทั้งห้าจึงเป็นการกระทำตามคำสั่งของนายจ้างเพื่อหาเลี้ยงชีพ เมื่อจำเลยทั้งห้าไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อนประกอบกับมีภาระที่จะต้องเลี้ยงดูครอบครัว เห็นควรให้โอกาสจำเลยทั้งห้ากลับตนเป็นพลเมืองดีจึงเห็นพ้องกับที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ให้รอการลงโทษจำคุก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2541 เวลากลางวันจำเลยทั้งห้ากับพวกร่วมกันลักลอบใช้เรือกลบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ชื่อฟลามิงโก้ปิโตรเลี่ยม นำพาน้ำมันเชื้อเพลิงดีโซลีนจำนวน 117,114 ลิตร ราคา 496,563.36 บาท ซึ่งเป็นของที่ผลิตในต่างประเทศที่ยังมิได้เสียภาษีและยังไม่ได้ผ่านพิธีศุลกากรและเสียภาษีสรรพสามิตโดยถูกต้องเข้ามาในราชอาณาจักรไทยในเขตต่อเนื่องกับทะเลอาณาเขตของราชอาณาจักรไทย โดยเจตนาหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรซึ่งจะต้องเสียสำหรับของนั้นเป็นเงิน 1,171 บาท โดยเจตนาจะฉ้อค่าภาษีของรัฐบาลที่จะต้องเสียภาษีอากรขาเข้าสำหรับของดังกล่าวนั้น รวมราคาของและค่าอากรเป็นเงิน 497,734.36 บาท และจำเลยกับพวกร่วมกันขนถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงดีโซลีนออกจากเรือบรรทุกน้ำมันลงสู่เรือของผู้มีชื่อ ซึ่งเป็นเรือกลประมงไทยที่ใช้เครื่องจักรกลจำนวน 7,114 ลิตร ราคา 30,290.56บาท โดยไม่มีเหตุอันสมควรและโดยไม่ได้รับอนุญาต และจำเลยทั้งห้ากับพวกร่วมกันขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งน้ำมันดีโซลีนจำนวน 110,000 ลิตรราคา 466,400 บาท ซึ่งจำเลยทั้งห้ากับพวกรู้ว่ายังมิได้เสียภาษีสรรพสามิตและจำเลยทั้งห้ากับพวกร่วมกันกระทำการปลอมปนน้ำมันเชื้อเพลิงโดยการร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งน้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าวซึ่งเป็นน้ำมันที่มีคุณภาพต่ำกว่าที่กำหนดปริมาณตั้งแต่สองร้อยลิตรขึ้นไปเพื่อจำหน่าย จำเลยที่ 1 ได้ทำการในเรือกลบรรทุกน้ำมันฟลามิงโก้ปิโตรเลียม โดยทำหน้าที่ในตำแหน่งนายท้ายควบคุมเรือ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่จะต้องมีประกาศนียบัตรรับรองความรู้ความสามารถแล่นในทะเลเขตต่อเนื่องน่านน้ำราชอาณาจักร โดยจำเลยที่ 1มิได้รับประกาศนียบัตรรับรองความรู้ความสามารถและจำเลยที่ 4ได้ทำการในเรือกลบรรทุกน้ำมันฟลามิงโก้ปิโตรเลียมโดยทำหน้าที่ในตำแหน่งช่างเครื่องมือ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่จะต้องมีประกาศนียบัตรรับรองความรู้ความสามารถแล่นในทะเลเขตต่อเนื่องน่านน้ำราชอาณาจักรไทยโดยจำเลยที่ 4 มิได้รับประกาศนียบัตรรับรองความรู้ความสามารถ เหตุเกิดในทะเลบริเวณเขตต่อเนื่องกับทะเลอาณาเขตของราชอาณาจักรไทย ละติจูดที่ 08 องศา 55 ลิปดาเหนือ ลองติจูด100 องศา 55 ลิปดาตะวันออกห่างจากฝั่งทะเลด้านอำเภอสิชลจังหวัดนครศรีธรรมราช ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 59 ไมล์ และโดยลักษณะแห่งการกระทำผิดเหตุและผลการกระทำผิดถือว่าเกิดในราชอาณาจักรไทยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 5 และเหตุบางส่วนเกิดในเรือไทย เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยทั้งห้าพร้อมเรือบรรทุกน้ำมัน 1 ลำ น้ำมันเชื้อเพลิงตามจำนวนดังกล่าว มิเตอร์วัดน้ำมัน สายยาง แผนที่เดินเรือ สมุดลงรายการ ซึ่งเป็นทรัพย์ที่ใช้กระทำผิดมีไว้เป็นความผิดและได้จากการกระทำผิดเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27, 32, 37 ตรี,37 เบญจ พระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2521 มาตรา 25 ตรีพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 มาตรา 163, 277, 282 พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 มาตรา 147,161, 162 พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิดพ.ศ. 2489 มาตรา 4, 5, 6, 7, 8, 9 ริบของกลาง และจ่ายเงินสินบนแก่ผู้นำจับและจ่ายเงินรางวัลแก่เจ้าพนักงาน

จำเลยทั้งห้าให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งห้ามีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 16, 17, 27, 32, 37 ตรี,34 เบญจ (ที่ถูก 37 เบญจ) พระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2521มาตรา 25 ตรี วรรคสอง วรรคสาม พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิตพ.ศ. 2527 มาตรา 147, 161, 162 (ที่ถูกมาตรา 147(2), 161(1),162(1)) พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 มาตรา 3,163, 277, 282 การกระทำของจำเลยทั้งห้าเป็นความผิดต่างกรรมให้เรียงกระทงลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 4 ฐานทำการในเรือในตำแหน่งที่กฎข้อบังคับสำหรับการตรวจเรือกำหนดในท้องที่ประกาศนียบัตรรับรองความรู้ความสามารถโดยมิได้รับประกาศนียบัตร จำคุกคนละ3 เดือน ลงโทษจำเลยทั้งห้าฐานร่วมกันลักลอบขนถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 6 เดือน ฐานร่วมกันนำน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังมิได้เสียภาษีศุลกากรและภาษีสรรพสามิตเข้ามาในราชอาณาจักร(ที่ถูก โดยลงโทษตามพระราชบัญญัติศุลกากร มาตรา 27 เป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90) จำคุกคนละ2 ปี ร่วมกันขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งน้ำมันเชื้อเพลิงที่มิได้เสียภาษีสรรพสามิตจำคุกคนละ 1 ปี และฐานร่วมกันปลอมปนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อจำหน่ายจำคุกคนละ 6 เดือน รวม 5 กระทง จำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 4 คนละ 4 ปี3 เดือน จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 5 คนละ 4 ปี จำเลยทั้งห้าให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 4 คนละ2 ปี 1 เดือน 15 วัน จำเลยที่ 2 และที่ 3 ที่ 5 คนละ 2 ปี พิเคราะห์แล้วกรณียังไม่มีเหตุรอการลงโทษ ริบของกลางและจ่ายเงินสินบนร้อยละ 30และจ่ายเงินรางวัลร้อยละ 25 ของราคาน้ำมันของกลางที่ศาลสั่งริบ

จำเลยทั้งห้าอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานทำการในเรือโดยมิได้รับประกาศนียบัตร ให้ปรับจำเลยที่ 1 และที่ 4 อีกสถานหนึ่งคนละ 1,000 บาท ฐานร่วมกันลักลอบขนถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงโดยไม่ได้รับอนุญาตให้ปรับจำเลยทั้งห้าอีกสถานหนึ่ง โดยปรับรวมเป็นเงิน 60,581.12 บาท ฐานร่วมกันนำน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังไม่ได้เสียภาษีศุลกากรและภาษีสรรพสามิตเข้ามาในราชอาณาจักร ให้ปรับจำเลยทั้งห้าอีกสถานหนึ่งโดยปรับรวมกันเป็นเงิน 1,990,937.44 บาทฐานร่วมกันขายหรือมีไว้เพื่อขายน้ำมันเชื้อเพลิงที่มิได้เสียภาษีสรรพสามิตจำคุกจำเลยทั้งห้าคนละ 6 เดือน และปรับคนละ 5,855 บาท และฐานร่วมกันปลอมปนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อจำหน่ายให้ปรับจำเลยทั้งห้าคนละ50,000 บาท อีกสถานหนึ่ง ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 แล้ว ฐานทำการเดินเรือโดยมิได้รับประกาศนียบัตร คงปรับจำเลยที่ 1 และที่ 4 คนละ 500 บาท ฐานร่วมกันลักลอบขนถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงโดยไม่ได้รับอนุญาตให้ปรับจำเลยทั้งห้ารวมกันเป็นเงิน 30,290.56 บาท ฐานร่วมกันทำน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังไม่ได้เสียภาษีศุลกากรและภาษีสรรพสามิตเข้ามาในราชอาณาจักรให้ปรับจำเลยทั้งห้ารวมกันเป็นเงิน 995,468.72 บาท ฐานร่วมกันขายหรือมีไว้เพื่อขายน้ำมันเชื้อเพลิงที่ไม่ได้เสียภาษีสรรพสามิต จำคุกจำเลยทั้งห้าคนละ 3 เดือน และปรับคนละ 2,927.50 บาท และฐานร่วมกันปลอมปนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อจำหน่ายให้ปรับจำเลยทั้งห้าคนละ 25,000 บาท รวมลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 4 คนละ 1 ปี 10 เดือน 15 วัน จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 5คนละ 1 ปี 9 เดือน ปรับจำเลยทั้งห้ารวมกันเป็นเงิน 1,025,759.20 บาทปรับจำเลยที่ 1 และที่ 4 อีกคนละ 28,427.50 บาท และปรับจำเลยที่ 2ที่ 3 และที่ 5 อีกคนละ 27,927.50 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษจำเลยทั้งห้าไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30ในกรณีกักขังแทนค่าปรับให้กักขังเป็นระยะเวลาเกินกว่าหนึ่งปีแต่ไม่เกินสองปีได้ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์และจำเลยทั้งห้าฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยทั้งห้าฎีกาว่า ความผิดฐานร่วมกันลักลอบขนถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงโดยไม่ได้รับอนุญาต ความผิดฐานร่วมกันนำน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังไม่ได้เสียภาษีศุลกากรและภาษีสรรพสามิตเข้ามาในราชอาณาจักรและความผิดฐานร่วมกันขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งน้ำมันเชื้อเพลิงที่มิได้เสียภาษีสรรพาสามิตเป็นการกระทำความผิดกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 นั้น เห็นว่า ความผิดฐานร่วมกันขนถ่ายน้ำมันในเขตต่อเนื่องโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติศุลกากร มาตรา 37 ตรี นั้นตามคำฟ้องโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งห้ากระทำความผิดฐานนี้หลังจากที่จำเลยลักลอบนำน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาในเขตต่อเนื่องแล้วซึ่งไม่แน่ชัดว่าจำเลยทั้งห้าขนถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเจตนาเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีหรือเจตนาอื่นจึงถือได้ว่าเป็นการกระทำความผิดโดยเจตนาต่างหากจากความผิดฐานอื่นเมื่อจำเลยทั้งห้าให้การรับสารภาพตามฟ้องข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าการกระทำความผิดของจำเลยทั้งห้าในความผิดฐานนี้เป็นความผิดกรรมเดียว ส่วนความผิดฐานร่วมกันนำน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังไม่ได้เสียภาษีศุลกากรและภาษีสรรพสามิตเข้ามาในราชอาณาจักรตามพระราชบัญญัติศุลกากร มาตรา 27 กับความผิดฐานร่วมกันขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งน้ำมันเชื้อเพลิงที่มิได้เสียภาษีสรรพสามิตตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต มาตรา 162(1) เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทต่างพระราชบัญญัติกัน โดยมีเจตนาประสงค์ต่อผลแตกต่างกัน สามารถแยกการกระทำแต่ละความผิดได้จึงเป็นความผิดหลายกรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91ส่วนที่จำเลยทั้งห้าฎีกาว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 กำหนดโทษปรับเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย เพราะโจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มโทษจำเลยทั้งห้านั้น เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งห้าทุกกรรมเป็นกระทงความผิดตามที่โจทก์ฟ้องให้จำคุกสถานเดียวเมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาให้รอการลงโทษ แต่กำหนดโทษปรับอีกสถานหนึ่ง ก็ยังทำให้จำเลยทั้งห้าไม่ต้องรับโทษจำคุกเป็นการที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ลงโทษเบากว่าศาลชั้นต้น กรณีไม่ใช่เป็นการเพิ่มเติมโทษตามที่จำเลยทั้งห้าฎีกาขึ้นมา ส่วนที่โจทก์ฎีกาขอให้ไม่รอการลงโทษจำเลยทั้งห้าในความผิดฐานร่วมกันนำน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังไม่ได้เสียภาษีศุลกากรและภาษีสรรพสามิตเข้ามาในราชอาณาจักรตามพระราชบัญญัติศุลกากร มาตรา 27 นั้น เห็นว่า ตามฟ้องจำเลยทั้งห้ามีอาชีพรับจ้าง การกระทำของจำเลยทั้งห้าจึงเป็นการกระทำตามคำสั่งของนายจ้างเพื่อหาเลี้ยงชีพ เมื่อจำเลยทั้งห้าไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อนประกอบกับมีภาระที่จะต้องเลี้ยงดูครอบครัว เห็นควรให้โอกาสจำเลยทั้งห้ากลับตนเป็นพลเมืองดี ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์และจำเลยทั้งห้าฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share