คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1312/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายกับพวกมาเอาโคของจำเลย ซึ่งผู้เสียหายถือว่าจำเลยตกลงให้เป็นค่าสินสอดแก่ผู้เสียหาย จำเลยไม่ยอมให้ ผู้เสียหายจึงเข้าไปจับโคในคอกของจำเลย จำเลยจึงได้ใช้ดาบฟันผู้เสียหาย 3 ที จำเลยอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นบุตรจำเลยคนแรกเข้ามาใช้มีดโต้ฟันผู้เสียหายอีก 1 ทีผู้เสียหายมีบาดเจ็บถึงสาหัส ดังนี้ แม้ผู้เสียหายจะไม่มีสิทธิจะมาเอาโคนั้นไปโดยพลการ แต่มูลกรณีที่ว่าจำเลยตกลงให้โคเป็นค่าสินสอดก็มีอยู่จริง จำเลยใช้มีดดาบฟันผู้เสียหายถึง 3 ทีติดๆ กัน แล้วจำเลยผู้เป็นบุตรยังมาช่วยฟันอีก 1 ทีจนผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บถึงสาหัส การกระทำของจำเลยนับว่าเป็นการรุนแรงและเกินควรแก่เหตุในการป้องกันทรัพย์ มีผิดตามมาตรา 256,53 กฎหมายลักษณะอาญา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้สมคบกันทำร้ายนายแบ มีบาดเจ็บสาหัส ขอให้ลงโทษ

จำเลยต่อสู้ว่า ได้ทำการป้องกันทรัพย์พอสมควรแก่เหตุ

คดีได้ความว่า เดิมนายพันจำเลยได้สู่ขอนางคำบุตรนายแบบผู้เสียหายให้เป็นภริยานายเพ็ชรจำเลย ซึ่งเป็นบุตรนายพัน ตกลงเอาสินสอดกัน 100 บาท แต่นายพันไม่มีเงินให้ จึงตกลงเอาโคตัวหนึ่งให้เป็นค่าสินสอด เมื่อหาเงินได้จะให้นายแบภายหลัง แต่โคนั้นยังหาได้มอบให้แก่นายแบไม่ แล้วนายเพ็ชร นางคำได้อยู่กินเป็นสามีภริยากันที่บ้านนายแบ ต่อมานายเพ็ชรเลิกกับนางคำ กลับมาอยู่บ้านนายพันในวันเกิดเหตุ นายแบพร้อมด้วยนายกวัก นายเขียว นายรอดนางอุยได้ไปที่บ้านจำเลยเพื่อจะขอเอาโคค่าสินสอด จำเลยไม่ยอมให้จึงเกิดทำร้ายกันขึ้น นายแบถูกฟันมีบาดแผล 5 แห่ง เป็นบาดเจ็บสาหัส

ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยทำร้ายนายแบเพื่อป้องกันทรัพย์แต่เกินกว่าเหตุ จึงพิพากษาว่าจำเลยผิดตามมาตรา 256, 53 จำคุกจำเลยคนละ 1 ปี

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยทำร้ายนายแบเพื่อป้องกันทรัพย์พอสมควรแก่เหตุ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อนายพันไม่ยอมให้โค นายแบจะเอาให้ได้ได้เข้าไปจับโคในคอกจำเลย จำเลยจึงได้ทำร้ายเอา โดยนายพันจำเลยได้ใช้ดาบฟันนายแบก่อน 3 ที นายเพ็ชรจำเลยจึงเข้ามาใช้มีดโต้ฟันนายแบอีก 1 ที แม้ว่านายแบไม่มีสิทธิจะมาเอาโคนั้นไปโดยพลการ แต่มูลกรณีที่ว่าจำเลยตกลงให้โคเป็นค่าสินสอดก็มีอยู่จริงการกระทำของจำเลยนับว่าเป็นการรุนแรงเกินควรแก่เหตุ จึงพิพากษากลับว่า จำเลยผิดตามมาตรา 256, 53 ให้จำคุกจำเลยคนละ 6 เดือน

Share