แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยต้องยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคแรก จึงจะมีสิทธิเข้าเบิกความ.(ที่มา-ส่งเสริม)
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยใช้เงินตามเช็คจำเลยให้การว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คเพื่อประกันหนี้เงินกู้แก่ผู้อื่น โจทก์มิใช่ผู้ทรง ศาลชั้นต้นให้โจทก์เป็นฝ่ายนำสืบก่อน โจทก์สืบพยานเสร็จแล้วจำเลยไม่ยื่นบัญชีระบุพยานศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนคดีมาแล้ว 3 ครั้ง ในวันนัดสืบพยานจำเลยนัดที่ 4 จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานอ้างอิงจำเลยและบุคคลอื่นกับเอกสารเป็นพยาน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ‘ไม่ใช่กรณีมีเหตุสุดวิสัยไม่สามารถยื่นก่อนหน้านี้ได้ จึงไม่อนุญาตให้จำเลยระบุพยานในวันนี้ จำเลยไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบ’แล้วมีคำพิากษาในวันนั้นว่าให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์250,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์ว่าแม้จำเลยมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานจำเลยก็มีสิทธิที่จะสาบานตัวเข้าเบิกความสนับสนุนข้อต่อสู้ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘…ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88วรรคแรก บัญญัติว่า ‘เมื่อคู่ความฝ่ายใดมีความจำนงที่จะอ้างอิงเอกสารฉบับใดหรือคำเบิกความของพยานคนใด…ฯลฯ…เพื่อเป็นพยานหลักฐานสนับสนุนข้ออ้างหรือข้อเถียงของตน ให้ยื่นบัญชีแสดงเอกสารหรือสภาพของเอกสารที่จะอ้าง และบัญชีรายชื่อที่อยู่ของบุคคลซึ่งคู่ความฝ่ายนั้นระบุอ้างเป็นพยาน…ฯลฯ…แล้วแต่กรณีต่อศาลก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวัน…ฯลฯ’การที่จำเลยจะขอเข้าเบิกความก็เพื่อให้ศาลนำคำเบิกความของจำเลยมาเป็นพยานหลักฐานสนับสนุนข้อเถียงหรือข้อต่อสู้ของจำเลยนั่นเอง เมื่อจำเลยมิได้ยื่นบัญชีรายชื่อที่อยู่ของตนต่อศาลตามที่บัญญัติไ้วในบทมาตราดังกล่าว จึงไม่มีสิทธิเข้าเบิกความ…’
พิพากษายืน.