คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำสัญญาโอนสิทธิการเช่าที่ดินจากวัดให้โจทก์ และโจทก์ได้ชำระเงินค่าโอนสิทธิการเช่าให้จำเลยบางส่วนแล้ว ข้อสัญญามีว่าหากจำเลยโอนสิทธิการเช่าดังกล่าวให้โจทก์ไม่ได้จำเลยต้องชำระค่าปรับ เมื่อปรากฏว่าจำเลยโอนสิทธิการเช่าที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ไม่ได้เนื่องจากทางวัดไม่ยินยอมให้โอน ดังนี้ ถือได้ว่าการชำระหนี้ระหว่างโจทก์และจำเลยตกเป็นพ้นวิสัย เพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งอันจะโทษฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมิได้ โจทก์และจำเลยซึ่งเป็นเจ้าหนี้และลูกหนี้ตอบแทนกัน ย่อมไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ซึ่งกันและกัน เมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญาแล้ว จำเลยต้องคืนเงินที่ได้รับไว้แก่โจทก์ และโจทก์ก็ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าปรับจากจำเลย เงินที่ต้องคืนเนื่องจากการเลิกสัญญามิใช่ลาภมิควรได้ จะนำอ:ายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 419 มาใช้บังคับมิได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้เช่าที่ดินของวัดท่าถนนปลูกสร้างห้องแถว ได้ทำสัญญาโอนสิทธิการเช่าที่ดินดังกล่าวให้โจทก์โดยจำเลยที่ 1 จะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและส่งมอบที่ดินให้โจทก์ภายใน 120 วัน โจทก์ชำระค่าตอบแทนให้จำเลยที่ 1 เป็นเงิน 540,000บาท ชำระวันทำสัญญา 140,000 บาท ส่วนที่เหลือชำระเมื่อจำเลยที่ 1โอนสิทธิการเช่าให้โจทก์แล้ว หากจำเลยที่ 1 โอนสิทธิการเช่าไม่ได้ต้องเสียค่าปรับเท่าจำนวนเงินที่ได้รับไป จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญาของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ไม่สามารถโอนสิทธิการเช่าให้โจทก์เนื่องจากวัดท่าถนนไม่ยินยอม โจทก์จึงบอกเลิกสัญญา ขอให้จำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 คืนเงินที่ได้รับไปพร้อมดอกเบี้ยและชำระค่าปรับพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยที่ 1 มิได้ผิดสัญญาเหตุที่ไม่สามารถโอนสิทธิการเช่าได้เพราะโจทก์ขอให้จำเลยที่ 1ระงับการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างไว้ก่อน เวลาล่วงเลยมาหลายปีจนวัดท่าถนนเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการเช่า โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาและทำให้จำเลยขาดประโยชน์ที่จะได้รับจากผู้อื่น โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินมัดจำและค่าปรับ ขอให้ยกฟ้องและให้โจทก์ชำระเงินค่าขาดประโยชน์ 99,600 บาท พร้อมดอกเบี้ย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายผิดสัญญาความเสียหายของจำเลยที่ 1 ไม่เกี่ยวกับโจทก์ จำเลยที่ 1 มิได้เสียหาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์140,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย ให้ยกฟ้องแย้ง
โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์และจำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในปัญหาที่ว่า โจทก์หรือจำเลยที่ 1เป็นฝ่ายผิดสัญญานั้น ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1ไม่สามารถโอนสิทธิการเช่าที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ได้ เนื่องจากวัดท่าถนนไม่ยินยอมให้โอนสิทธิการเช่าระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1จึงไม่ใช่เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1 หลีกเลี่ยงไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญาที่ทำไว้กับโจทก์ และจำเลยที่ 1 ก็จะอ้างว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าการชำระหนี้ระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 ตกเป็นพ้นวิสัย เนื่องจากเหตุอย่างอื่นอันจะโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมิได้ โจทก์และจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าหนี้และลูกหนี้ตอบแทนกันย่อมไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ซึ่งกันและกันเมื่อโจทก์บอกเบิกสัญญาโอนสิทธิการเช่าแล้วจำเลยที่ 1 จึงต้องคืนเงินที่โจทก์ได้ชำระไปแล้วแก่โจทก์ และโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าปรับจากจำเลย และการเรียกเงินคืนนี้เป็นกรณีที่โจทก์เรียกเงินคืนจากการเลิกสัญญามิใช่ฐานลาภมิควรได้ จะนำอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 419 มาใช้บังคับมิได้
พิพากษายืน.

Share