คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 85/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทและโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทแม้เช็คดังกล่าวโจทก์จะได้มาจากการเล่นแชร์ซึ่งตามพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ. 2534 มาตรา 6 ห้ามมิให้บุคคลธรรมดาเป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์ที่มีทุนกองกลางต่อหนึ่งงวดรวมกันทุกวงเป็นมูลค่ามากกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง แต่ในมาตรา 7 ก็บัญญัติให้สิทธิแก่สมาชิกวงแชร์ที่จะฟ้องคดีหรือใช้สิทธิเรียกร้องเอากับนายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์ได้ ย่อมแสดงว่ากฎหมายมิได้กำหนดว่าการเล่นแชร์ดังกล่าวตกเป็นโมฆะเสียหมด การที่โจทก์จำเลยกับพวกซึ่งเป็นผู้เข้าร่วมเล่นแชร์มีการประมูลระหว่างกันและจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้ค่าแชร์แล้วเช็คมาอยู่ในความครอบครองของโจทก์ซึ่งเป็นลูกวงแชร์ด้วยกัน ย่อมไม่เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 6 นิติกรรมการเล่นแชร์ของโจทก์จำเลยจึงไม่ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173 จำเลยต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คให้โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์ จำเลยและบุคคลภายนอกรวมกัน 14 คน ร่วมกันเล่นแชร์จำนวน 14 หุ้น หุ้นละ 100,000 บาท โดยโจทก์และจำเลยเป็นลูกวงแชร์ ต่อมาจำเลยประมูลแชร์ได้ในเดือนที่ 3 โดยให้ราคาประมูล 8,300 บาท จำเลยได้รับเงินจากโจทก์และลูกวงแชร์คนอื่นเป็นเงินคนละ 91,700 บาท ไปครบถ้วนแล้ว โดยจำเลยได้ออกเช็คของธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาพัทลุงลงวันที่ 18 มกราคม 2541 สั่งจ่ายเงินจำนวน 100,000 บาท มอบให้แก่โจทก์ไว้เป็นการล่วงหน้า ต่อมาเมื่อเช็คดังกล่าวถึงกำหนดเรียกเก็บปรากฏว่าธนาคารตามเช็คได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน โดยให้เหตุผลว่า โปรดติดต่อผู้สั่งจ่ายโจทก์จึงติดตามทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ตามเช็คดังกล่าว แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า นายใช้หลี ธนากรเจริญ ได้จัดให้มีการเล่นแชร์โดยเป็นนายวงแชร์โดยจำเลยใช้ชื่อในการเล่นว่า “ส. ฟาร์มพัทลุง” แต่แชร์วงดังกล่าวนี้ได้จัดให้มีขึ้นโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยยอมรับว่าได้ออกเช็คพิพาทตามฟ้องจริงเพื่อชำระหนี้ที่เกิดจากมูลหนี้ค่าแชร์ดังกล่าวให้แก่ร้านฮึ้งเฮงหลี ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์ยื่นอุทธรณ์วันที่ 9 มิถุนายน 2542 และยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตในวันเดียวกันโดยไม่รอให้จำเลยยื่นอุทธรณ์และคัดค้านคำร้องดังกล่าวภายในกำหนดเวลายื่นคำแก้อุทธรณ์ แต่คดีนี้เมื่อจำเลยได้รับสำเนาคำร้องและสำเนาอุทธรณ์แล้วก็ไม่ได้คัดค้านคำร้องและไม่ได้ยื่นคำแก้อุทธรณ์ แม้จะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นปฏิบัติตามขั้นตอนให้ถูกต้อง กล่าวคือ รอให้ล่วงพ้นเวลาที่จำเลยจะยื่นคำแก้อุทธรณ์แล้วจึงมีคำสั่งอนุญาตผลก็จะเป็นเช่นเดียวกัน จึงสมควรไม่ย้อนสำนวนและวินิจฉัยคดีไปเสียทีเดียว

ข้อเท็จจริงตามฟ้องและคำให้การฟังได้ว่า โจทก์ จำเลย และบุคคลภายนอกอีกหลายคนร่วมกันเล่นแชร์รวมจำนวน 14 หุ้น หุ้นละ 100,000 บาท โดยมีนายใช้หลีธนากรเจริญ เป็นนายวงแชร์ ต่อมาจำเลยประมูลแชร์ได้ในเดือนที่สาม โดยให้ราคาประมูล 8,300 บาท และจำเลยได้รับเงินที่ประมูลได้ไปจากโจทก์และลูกแชร์คนอื่น ๆ ครบถ้วนแล้ว จำเลยได้ออกเช็คของธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาพัทลุงลงวันที่ 18 มกราคม 2541 สั่งจ่ายเงินจำนวน 100,000 บาท เพื่อชำระหนี้ค่าแชร์ดังกล่าว มีปัญหาวินิจฉัยว่า จำเลยต้องรับผิดชำระหนี้ตามเช็คพิพาทต่อโจทก์หรือไม่เห็นว่า จำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเงินในเช็คพิพาท และโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทแม้เช็คดังกล่าวโจทก์จะได้มาจากการเล่นแชร์ ซึ่งตามพระราชบัญญัติการเล่นแชร์พ.ศ. 2534 มาตรา 6 ห้ามมิให้บุคคลธรรมดาเป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์ที่มีทุนกองกลางต่อหนึ่งงวดรวมกันทุกวงเป็นมูลค่ามากกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง แต่ในมาตรา 7 ก็บัญญัติให้สิทธิแก่สมาชิกวงแชร์ที่จะฟ้องคดีหรือใช้สิทธิเรียกร้องเอากับนายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์ได้ ย่อมแสดงว่ากฎหมายมิได้กำหนดว่าการเล่นแชร์ดังกล่าวตกเป็นโมฆะเสียหมด การที่โจทก์จำเลยกับพวกซึ่งเป็นผู้เข้าร่วมเล่นแชร์มีการประมูลระหว่างกันและจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้ค่าแชร์แล้วเช็คมาอยู่ในความครอบครองของโจทก์ซึ่งเป็นลูกวงแชร์ด้วยกันย่อมไม่เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 6 นิติกรรมการเล่นแชร์ของโจทก์ จำเลยจึงไม่ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173 เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คที่จำเลยสั่งจ่าย จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้เงินตามเช็คให้โจทก์ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น”

พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

Share