คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 847-848/2477

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การขอถอนฟ้องคดีอาชญาชั่วคราวนั้น เมื่อจำเลยถูกจับหรือถูกเรียกตัวเข้ามาเกี่ยวข้องในคดีแล้วย่อมอยู่ในดุลยพินิจความครบคุมของศาล แล้วแต่จะเห็นควรไม่อยู่ในอำนาจของโจทก์ที่ขอถอนได้ตามอำเภอใจ

ย่อยาว

คดีนี้จำเลยต้องหาว่าฆ่าคนตายตามมาตรา ๒๔๙-๒๕๐
ในวันนัดพิจารณาครั้งแรก ช.พะยานโจทก์ซึ่งเป็นพะยานคู่ไม่มาศาล ศาลจึงให้เลื่อนคดีไป ในวันนัดพิจารณาครั้งที่ ๒ ช.ก็ไม่มาศาลอีก โจทก์ก็ขอเลื่อนไปอีก ครั้นถึงวันนัดพิจารณาครั้งที่ ๓ช.พะยานไม่มาศาลอีก โจทก์ขอถอนฟ้องชั่วคราวเพราะไม่ได้ตัว ช.มาเบิกความ ศาลจึงไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องและสั่งให้ดำเนิรคดีสืบพะยานโจทก์ต่อไป โจทก์จึงไม่ติดใจสืบพะยานอื่นต่อไป
ศาลเดิมเห็นว่าโจทก์ไม่สืบพะยานาว่าจำเลยทำผิดตามฟ้องจะลงโทษจำเลยไม่ได้ พิพากษาให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่าในคดีอาชญาก่อนศาลลงมือสืบพะยานโจทก์นั้นโจทก์ขอถอนฟ้องได้เสมอ เพราะไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบในเชิงคดี
ศาลฎีกาเห็นว่าการถอนฟ้องคดีอาชญาชั่วคราวนั้นไม่อยู่ในอำนาจของโจทก์ที่จะทำได้ตามอำเภอใจเสมอไป ย่อมอยู่ในดุลยพินิจของศาล ที่จะพิจารณาตามเหตุผลสมควรแก่ความยุตติธรรม ซึ่งถ้าจำเลยถูกจับกุมคุมขังหรือเข้าเกี่ยวข้องในคดีด้วยแล้วศาลจะไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องชั่วคราวก็ได้ เพราะอาจกะทบกระทั่งถึงอิสสรภาพของจำเลยโดยที่จำเลยถูกหน่วงเหนี่ยวกักขังในระวางพิจารณาคดีที่โจทก์กลับมาฟ้องใหม่นั้นอีก แลการที่ถอนฟ้องชั่วคราวแล้วภายหลังมาฟ้องจำเลยอีกนั้น อาจทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดีก็เป็นได้ จึงพิพากษายืนตามศาลล่าง

Share