คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 469/2548

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ข้อตกลงกำหนดอัตราดอกเบี้ยตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่จำเลยทำไว้แก่โจทก์ระบุว่า หากจำเลยผิดสัญญายินยอมให้โจทก์ดำเนินคดีเรียกเงินที่ค้างชำระตามสัญญาประนีประนอมยอมความได้ทันทีโดยไม่ต้องบอกกล่าวก่อน และจำเลยยินยอมให้คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงินสุทธิค้างชำระนับแต่ผิดนัดไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น ข้อตกลงเช่นว่านี้ แสดงว่าถ้าจำเลยไม่ผิดนัดโจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยดังกล่าวจากจำเลยดอกเบี้ยที่กำหนดไว้จึงเป็นค่าเสียหายจาการไม่ชำระหนี้ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าจึงเป็นเบี้ยปรับตาม ป.พ.พ. มาตรา 379

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย พุทธศักราช 2497 เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2540 จำเลยได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ ณ เขตโทรศัพท์ภาคเหนือที่ 1 อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ โดยจำเลยยอมรับว่าได้ทำละเมิดขับรถยนต์ทะเบียน 2 ท – 1340 เชียงใหม่ ชนเสาโทรศัพท์หักและเป็นเหตุให้สายเคเบิลที่พาดผ่านขาดเสียหายคิดเป็นค่าเสียหายจำนวน 70,921.46 บาท และจำเลยยินยอมชำระหนี้ดังกล่าวแก่โจทก์ โดยโจทก์ตกลงให้จำเลยผ่อนชำระหนี้เป็นรายเดือน เดือนละไม่ต่ำกว่า 6,000 บาท และชำระเป็นเงินสดในวันทำสัญญาจำนวน 922 บาท งวดต่อไปภายในวันที่ 17 ของเดือนถัดไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น โดยจำเลยจะไปผ่อนชำระ ณ แผนกกฎหมาย เขตโทรศัพท์ภาคเหนือที่ 1 หากจำเลยผิดนัดงวดหนึ่งงวดใดให้ถือว่าจำเลยผิดสัญญาและยินยอมให้โจทก์ดำเนินคดีเรียกเงินที่ค้างชำระตามสัญญาฉบับนี้ได้ทันทีโดยไม่ต้องบอกกล่าวก่อน กับจำเลยยินยอมให้คิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงินที่ค้างสุทธินับแต่ผิดนัดไปจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จสิ้น หลังจากนั้นจำเลยได้ชำระหนี้แก่โจทก์บางส่วน 2 งวด รวมเป็นเงิน 12,000 บาท แล้วไม่เคยชำระอีกเลย เมื่อคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงินจำนวน 57,999.46 บาท นับแต่วันที่ 17 กรกฎาคม 2540 ถึงวันฟ้อง คิดเป็นดอกเบี้ยจำนวน 38,425 บาท รวมต้นเงินและดอกเบี้ยจำนวน 96,424.46 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 96,424.46 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงินจำนวน 57,999.46 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 57,999.46 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม 2540 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องไม่เกิน 38,425 บาท (ฟ้องวันที่ 18 ธันวาคม 2544) กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 600 บาท
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งอนุญาต
จำเลยให้การว่า สัญญาประนีประนอมยอมความมีลักษณะเป็นการรับสภาพหนี้ในมูลหนี้ละเมิด จึงมีอายุความ 1 ปี นับแต่วันละเมิด หรือไม่เกินกว่าอายุความ 2 ปี นับจากวันทำหนังสือรับสภาพความรับผิด โจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อกำหนดอายุความดังกล่าวได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ค่าเสียหายเกินความเป็นจริง โจทก์กล่าวอ้างเลื่อนลอยว่าจำเลยชำระหนี้ให้บางส่วนเพราะไม่มีหลักฐานที่จำเลยลงลายมือชื่อมาแสดงจึงรับฟังไม่ได้ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ขอเข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
คู่ความทั้งสองฝ่ายยอมรับข้อเท็จจริงกันว่า จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความตามฟ้องกับโจทก์จริง แล้วทั้งสองฝ่ายแถลงไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 57,999.46 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม 2540 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้องสอด (ที่ถูกโจทก์) แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องไม่เกิน 38,425 บาท (ฟ้องวันที่ 18 ธันวาคม 2544) กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 2,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่าศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “อุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่า กำหนดอัตราดอกเบี้ยตามสัญญาประนีประนอมยอมความไม่เป็นเบี้ยปรับ ศาลชั้นต้นจะใช้ดุลพินิจกำหนดลดลงเป็นจำนวนพอสมควรไม่ได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อตกลงกำหนดอัตราดอกเบี้ยตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่จำเลยทำไว้แก่โจทก์ระบุว่า หากจำเลยผิดสัญญายินยอมให้โจทก์ดำเนินคดีเรียกเงินที่ค้างชำระตามสัญญาประนีประนอมยอมความได้ทันทีโดยไม่ต้องบอกกล่าวก่อน พร้อมจำเลยยินยอมให้คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงินสุทธิค้างชำระนับแต่ผิดนัดไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น ข้อตกลงเช่นว่านี้แสดงว่าถ้าจำเลยไม่ผิดนัด โจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยดังกล่าวจากจำเลย ดอกเบี้ยที่กำหนดไว้จึงเป็นค่าเสียหายจากการไม่ชำระหนี้ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าจึงเป็นเบี้ยปรับตามมาตรา 379 แห่ง ป.พ.พ. อุทธรณ์ของโจทก์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share