แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
อย่างไรเรียกว่าเงินตราบัตร์หรือตั๋วที่ทำขึ้นแม้มีราคากำหนดไว้ แต่ใช้ชำระหนี้ ไม่ได้ตามกฎหมายไม่นับว่าเป็นวัตถุแทนเงินตรา
ย่อยาว
ได้ความว่าจำเลยทำบัตร์ราคาต่างต่างรวม ๕ ชนิดคือราคา ๕ บาท ๑ บาท ๕๐ สตางค์ ๑๐ สตางค์ แล ๕ สตางค์ขึ้นใช้ในระวางบริษัทที่จำเลยเป็นผู้จัดการกับคนงานของบริษัท โดยบริษัทได้ตั้งร้านจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ ขึ้น ค่าจ้างแรงนั้นบริษัทให้จ่ายบัตร์บ้างเงินบ้างให้แก่คนงาน ส่วนที่เป็นบัตร์นั้น คนงานนำไปซื้อสิ่งของในร้านของบริษัทได้ตามราคาที่จำกัดไว้ในบัตร์แลที่บัตร์นั้นมีคำห้ามไว้ว่า คนภายนอกจะใช้ตั๋วนี้ไม่ได้ โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.เงินตราจึงมีปัญหาว่าบัตร์ที่จำเลยทำขึ้นใช้นี้เป็นวัตถุแทนเงินตราตามความหมายแห่งพ.ร.บ.เงินตราหรือไม่
ศาลฎีกาเห็นว่าคำว่า เงิน ตามมาตรา ๔ แห่งพ.ร.บ.เงินตรานั้นหมายความว่าเงินที่ชำระหนี้ได้ ตามกฎหมายในประเทศสยาม แต่บัตร์ที่จำเลยทำขึ้นนี้ตามรูปเรื่องเห็นได้ชัดว่าจำเลยมิพึงปลดเปลื้องหนี้ได้เพราะเหตุให้บัตร์เท่านั้นไม่ จำเลยยังต้องจ่ายสิ่งของให้แก่ผู้ถือบัตร์อยู่อีก บัตร์เช่นนี้จึงดูเป็นเอกสารแสดงจำนวนหนี้ที่จำเลยจะต้องใช้ให้ผู้ถือมากกว่าอื่น ทั้งทำขึ้นใช้ฉะเพาะในวงงานของจำเลยเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องต่อสาธารณชน ๆ ไม่มีหน้าที่ต้องรับใช้ต้องรับชำระหนี้ด้วยบัตร์นี้เลย วัตถุเช่นนี้จึงใช้แทนเงินหาได้ไม่ จึงตัดสินให้ยกฟ้องโจทก์