คำสั่งคำร้องที่ 1769/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยที่ 2 เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการ รับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อตึกพิพาทมีค่าเช่าตามสัญญา ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละหนึ่งหมื่นบาท และ ทุนทรัพย์ชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท คดีจึงต้องห้าม มิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248ไม่รับฎีกาจำเลยที่ 2 คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมด
จำเลยที่ 2 เห็นว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีตรงข้ามกับพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน การโต้เถียงของจำเลยที่ 2 ที่ว่าการเช่ามีหลักฐานเป็นหนังสือ จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมาย และแม้ศาลชั้นต้นจะเห็นว่า เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน ของศาลอุทธรณ์ แต่ฎีกาของจำเลยที่ 2 ท้ายฎีกาก็ได้ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายเช่นเดียวกับการอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยมิได้ โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน ของศาลอุทธรณ์แต่ประการใด โปรดมีคำสั่งให้ยกคำสั่ง ศาลชั้นต้น และให้รับคำร้องขอทุเลาการบังคับคดี และฎีกาของจำเลยที่ 2 ไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 91)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าเสียหาย ให้โจทก์จำนวนเงิน 37,200 บาท พร้อมดอกเบี้ย อัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินจำนวน 34,800 บาท นับแต่วันฟ้อง (วันที่ 12 ธันวาคม 2533) เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระ เสร็จแก่โจทก์ และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1
ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ถึงแก่กรรมนางจรัญญาอิสี ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายและเป็นผู้จัดการมรดกของโจทก์ยื่นคำร้อง ขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลอุทธรณ์อนุญาต
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลา การบังคับศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าวและไม่รับ คำร้องขอทุเลาการบังคับ (อันดับ 82,81)
จำเลยที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 83)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า การเช่าระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ไม่มีหลักฐาน เป็นหนังสือ จำเลยที่ 2 มิใช่ผู้เช่าและได้อยู่ในตึกพิพาท โดยละเมิด ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า การเช่าระหว่าง โจทก์กับจำเลยที่ 2 มีหลักฐานเป็นหนังสือจำเลยที่ 2 อยู่ในตึกพิพาทโดยอาศัยสิทธิการเช่า โจทก์ ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายเพราะไม่เป็นการ ละเมิดและ โจทก์ยินยอมนั้น เป็นฎีกาโต้เถียง ดุลพินิจในการรับฟัง พยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้าม ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 2 ชอบแล้ว และเมื่อมีคำสั่งไม่รับฎีกาก็ไม่จำเป็นต้องพิจารณา สั่งคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีของจำเลยที่ 2 อีก ให้ยกคำร้อง

Share