คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8464/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้ที่ดินที่เป็นเหตุให้โจทก์จำเลยพิพาทกันในคดีนี้เป็นที่ดินแปลงเดียวกับที่ดินพิพาทในคดีแพ่งของศาลชั้นต้นอีกคดีหนึ่งก็ตามแต่ก็เป็นคนละคดีกัน เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีเรื่องนี้เป็นคดีมีทุนทรัพย์และมีคำสั่งให้จำเลยวางเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์เพิ่มจำเลยก็ชอบที่จะต้องนำเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์มาวางต่อศาลชั้นต้นให้ครบตามระยะเวลาที่กำหนด ส่วนที่จำเลยเห็นว่าจำเลยไม่ควรต้องวางเงินค่าขึ้นศาลอุทธรณ์ซ้ำอีก เพราะได้วางเงินค่าขึ้นศาลในอีกคดีหนึ่งแล้ว ก็เป็นกรณีที่จำเลยมีสิทธิที่จะคัดค้านคำสั่งของศาลอุทธรณ์ไว้แล้วฎีกาโต้แย้งดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวในภายหลังได้ แต่การที่จำเลยไม่นำเงินมาวางตามกำหนดโดยการขอขยายระยะเวลาวางเงินออกไปอีกหลายครั้ง ทั้งมีการอุทธรณ์คำสั่งของศาลที่ไม่อนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาวางเงินค่าขึ้นศาลอุทธรณ์เพิ่มด้วย เป็นพฤติการณ์ที่ทำให้เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาประวิงเวลาให้ชักช้า ถือได้ว่าเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลอุทธรณ์เห็นสมควรกำหนดให้จำเลยปฏิบัติและจำเลยก็ได้ทราบคำสั่งโดยชอบแล้ว จึงเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2) ประกอบมาตรา 246

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินของโจทก์ จำเลยให้การต่อสู้ว่า ที่ดินตามฟ้องเป็นของบริษัทปิ่นเจริญจำกัด ที่ได้นำมาตีชำระหนี้ให้แก่จำเลยแล้ว แต่โจทก์รับโอนที่ดินมาโดยร่วมกับบริษัทปิ่นเจริญ จำกัด ฉ้อฉลเพื่อโกงจำเลย ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้ขับไล่จำเลย ให้จำเลยรื้อถอนโกดังเก็บวัสดุก่อสร้างและที่พักคนงานออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 112364 ถึง112366 ให้จำเลยชำระค่าเสียหายเดือนละ 2,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะรื้อถอนโกดังเก็บวัสดุก่อสร้างและที่พักคนงานออกไป

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คดีนี้เป็นเรื่องพิพาทกันเกี่ยวกับที่ดินพิพาทโดยตรงว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาทหรือไม่ จึงต้องมีทุนทรัพย์ตามราคาที่ดินพิพาทรวมกับค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้อง แต่จำเลยวางเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์เพียง 200 บาท ไม่ครบถ้วน ให้ศาลชั้นต้นตีราคาที่ดินพิพาทเป็นทุนทรัพย์แล้วให้จำเลยวางเงินค่าขึ้นศาลให้ครบ ซึ่งศาลชั้นต้นนัดโจทก์และจำเลยสอบถามตีราคาที่ดินพิพาทแล้วให้จำเลยวางเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์เพิ่มอีก 103,425 บาท ภายใน 45 วันนับแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2541 ต่อมาวันที่ 25 กันยายน 2541 จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์เพิ่มออกไปอีก 60 วัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งขยายระยะเวลาให้จำเลยนำเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์เพิ่มมาชำระภายในวันที่ 30 ตุลาคม2541 ครั้นวันที่ 27 ตุลาคม 2541 จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์เพิ่มออกไปอีก 30วัน ศาลชั้นต้นเห็นว่าไม่มีเหตุที่จะขยายระยะเวลาให้จำเลยวางเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์อีก ให้ยกคำร้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นและอนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ออกไปอีก 30 วัน นับแต่วันอ่านคำพิพากษา

ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 22 กันยายน2542 จำเลยไม่นำค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์เพิ่มมาวางตามกำหนดแต่ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าขึ้นศาลอุทธรณ์เพิ่มออกไปอีก 30 วัน ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้ยกคำร้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาวางเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์เป็นการชอบแล้ว เมื่อจำเลยไม่ชำระค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ที่ยังขาดอยู่ให้ครบถ้วนตามที่ศาลอุทธรณ์กำหนด จึงเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ประกอบด้วย มาตรา 246 พิพากษายืน และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความศาลอุทธรณ์

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาขอให้กลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยอนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาวางเงินค่าขึ้นศาลอุทธรณ์เพิ่มออกไปอีกและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนขอให้มีคำสั่งว่าจำเลยไม่ต้องวางเงินค่าขึ้นศาลซ้ำเพราะโจทก์และจำเลยได้พิพาทกันเกี่ยวกับที่ดินแปลงเดียวกันนี้ ซึ่งจำเลยวางเงินค่าขึ้นศาลแล้วในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 3120/2541 ของศาลชั้นต้น คดีระหว่างนายสมชาย เลิศวัชรสารกุลโจทก์ บริษัทปิ่นเจริญ จำเลยที่ 1 นางอุบล คุณพระสุนทร ที่ 2 นั้นเห็นว่า แม้ที่ดินที่เป็นเหตุให้โจทก์จำเลยพิพาทกันเป็นคดีนี้ กับที่ดินที่พิพาทกันในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 3120/2541 ของศาลชั้นต้นตามที่จำเลยฎีกาจะเป็นที่ดินแปลงเดียวกันก็ตาม แต่ก็เป็นคนละคดีกันเมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีเรื่องนี้เป็นคดีมีทุนทรัพย์และมีคำสั่งให้จำเลยวางเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์เพิ่ม จำเลยก็ชอบที่จะต้องนำเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์เพิ่มมาวางต่อศาลชั้นต้นให้ครบตามระยะเวลาที่กำหนดก่อน ส่วนที่จำเลยเห็นว่าจำเลยไม่ควรต้องวางเงินค่าขึ้นศาลอุทธรณ์ซ้ำอีก เพราะเหตุที่จำเลยได้วางเงินค่าขึ้นศาลในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 3120/2541 ของศาลชั้นต้นแล้ว ก็เป็นกรณีที่จำเลยมีสิทธิที่จะคัดค้านคำสั่งของศาลอุทธรณ์ไว้แล้วฎีกาโต้แย้งดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวในภายหลังได้ แต่การที่จำเลยไม่นำเงินค่าขึ้นศาลอุทธรณ์เพิ่มมาวางต่อศาลชั้นต้นตามกำหนด โดยการขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าขึ้นศาลอุทธรณ์เพิ่มออกไปอีกหลายครั้ง ทั้งมีการอุทธรณ์คำสั่งของศาลที่ไม่อนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาวางเงินค่าขึ้นศาลอุทธรณ์เพิ่มด้วย ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวมาแล้วเป็นพฤติการณ์ที่ทำให้เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาประวิงเวลาให้ชักช้า ถือได้ว่าเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลอุทธรณ์เห็นสมควรกำหนดให้จำเลยปฏิบัติและจำเลยก็ได้ทราบคำสั่งโดยชอบแล้ว การที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยทิ้งฟ้องอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2) ประกอบมาตรา 246 แล้วพิพากษาให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์นั้นชอบแล้ว ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้คดีนี้รอฟังข้อเท็จจริงในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 3120/2541 ของศาลชั้นต้นเสียก่อนจึงให้ทำคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ต่อไปนั้น เมื่อจำเลยได้ทิ้งฟ้องอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ได้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความแล้ว ก็ไม่มีฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยที่จะให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาเพื่อจะให้รอฟังข้อเท็จจริงในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 3120/2541 ของศาลชั้นต้นอีกต่อไป แม้มีคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีดังกล่าวแล้วก็เป็นเรื่องในชั้นบังคับคดี ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share