คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8422/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการหักวันควบคุมและการบังคับค่าปรับไว้เป็นการเฉพาะ โดยมาตรา 85 วรรคแรก บัญญัติไว้ว่า “ในกรณีที่เด็กหรือเยาวชนอยู่ในความควบคุมของสถานพินิจระหว่างพิจารณาคดี ไม่ให้ถือเป็นการควบคุมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา แต่ถ้าศาลพิพากษาหรือลงโทษหรือใช้วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชน ให้ศาลหักจำนวนวันที่อยู่ในความควบคุมของสถานพินิจ” จากถ้อยคำตามบทบัญญัติมาตรา 85 วรรคแรก เห็นได้ว่า เป็นบทบังคับให้ศาลต้องหักวันที่จำเลยถูกควบคุมในกรณีศาลพิพากษาลงโทษหรือใช้วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนทุกกรณี ไม่ได้ให้ศาลใช้ดุลพินิจแต่อย่างใด นอกจากนี้ตามมาตรา 145 วรรคแรก ซึ่งเป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับการบังคับค่าปรับในกรณีจำเลยไม่ชำระค่าปรับ ดังนั้น ในการบังคับคดีตามคำพิพากษาจึงต้องนำวันถูกควบคุมดังกล่าวมาหักออกจากระยะเวลาควบคุมเพื่อฝึกอบรมตามคำพิพากษาโดยผลของบทบัญญัติดังกล่าว ไม่ว่าคำพิพากษาของศาลจะระบุให้หักวันถูกควบคุมดังกล่าวไว้หรือไม่ก็ตามเพราะเป็นการบังคับคดีตามกฎหมาย ดังนั้น แม้คำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่จำเป็นต้องระบุเรื่องนี้ไว้ก็ตาม แต่การที่ศาลชั้นต้นระบุในคำพิพากษาว่า ให้หักจำนวนวันที่จำเลยทั้งสองอยู่ในความควบคุมของสถานพินิจออกจากระยะเวลาฝึกอบรมก็เป็นการระบุการบังคับคดีตามกฎหมาย มิได้เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด ส่วนการบังคับโทษปรับในกรณีที่เด็กหรือเยาวชนต้องโทษปรับแล้วไม่ชำระค่าปรับซึ่งตามมาตรา 145 วรรคแรก ให้ศาลส่งตัวไปควบคุมเพื่อฝึกอบรมในสถานที่ที่ศาลเห็นสมควรตามเวลาที่ศาลกำหนด แต่ต้องไม่เกินหนึ่งปี คำพิพากษาของศาลจึงต้องระบุให้ชัดเจนว่า ให้ส่งตัวไปควบคุมเพื่อฝึกอบรมซึ่งเป็นคนละกรณีกับกรณีมีการชำระค่าปรับตามวรรคสาม ซึ่งบัญญัติว่า ในกรณีมีการชำระค่าปรับหากเด็กหรือเยาวชนได้ถูกควบคุมตัวมาบ้างแล้ว ให้คิดหักระยะเวลาที่ถูกควบคุมตัวออกจากค่าปรับที่จะต้องชำระตามอัตราที่กำหนดในประมวลกฎหมายอาญา ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้ปรับจำเลยทั้งสองคนละ 25 บาท ก็ต้องระบุในคำพิพากษาให้ชัดเจนว่า หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระค่าปรับ ให้บังคับค่าปรับโดยให้ส่งตัวจำเลยทั้งสองไปควบคุมเพื่อฝึกอบรมแทนค่าปรับเป็นระยะเวลาเท่าใดให้ชัดเจน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 80, 83, 91, 288, 371 ริบปลอกมีด 1 ปลอก เศษขวดเบียร์ และอาวุธมีดปลายแหลมไม่มีด้าม 1 เล่ม ของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่ก่อนสืบพยานจำเลยทั้งสองขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297, 371 ประกอบมาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ขณะกระทำความผิดจำเลยที่ 1 อายุ 16 ปีเศษ จำเลยที่ 2 อายุ 17 ปีเศษ เห็นควรลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 จำคุกคนละ 6 เดือน และปรับคนละ 50 บาท จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงลงโทษฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส จำคุกคนละ 3 เดือน ฐานร่วมกันพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรปรับคนละ 25 บาท อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 142 (1) จึงให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งจำเลยทั้งสองไปฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 9 จังหวัดสงขลา มีกำหนดขั้นต่ำ 3 เดือน ขั้นสูง 6 เดือน นับแต่วันมีคำพิพากษา โดยให้หักจำนวนวันที่จำเลยทั้งสองถูกควบคุมอยู่ในสถานพินิจออกจากระยะเวลาดังกล่าว หากจำเลยทั้งสองมีอายุครบ 24 ปีบริบูรณ์ เหลือระยะเวลาฝึกอบรมเท่าใดให้ส่งจำเลยทั้งสองไปจำคุกในเรือนจำ หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระค่าปรับให้ส่งตัวจำเลยทั้งสองไปฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 9 จังหวัดสงขลา แทนค่าปรับ แต่ไม่เกิน 1 ปี ทั้งนี้โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 145 ริบของกลาง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิพากษาว่า ให้หักจำนวนวันที่จำเลยทั้งสองถูกควบคุมอยู่ในสถานพินิจออกจากระยะเวลาฝึกอบรมและหากจำเลยทั้งสองไม่ชำระค่าปรับให้ส่งตัวจำเลยทั้งสองไปฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 9 จังหวัดสงขลา แทนค่าปรับ แต่ไม่เกินหนึ่งปี ทั้งนี้โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 145 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 วินิจฉัยว่า คำพิพากษาศาลชั้นต้นส่วนที่เกี่ยวกับการหักวันถูกควบคุมออกจากกำหนดระยะเวลาควบคุมเพื่อฝึกอบรมและการบังคับค่าปรับในกรณีจำเลยไม่ชำระค่าปรับและพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้หักจำนวนวันที่จำเลยทั้งสองถูกควบคุมอยู่ในสถานพินิจออกจากระยะเวลาฝึกอบรม และหากจำเลยทั้งสองไม่ชำระค่าปรับให้ส่งตัวจำเลยทั้งสองไปฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 9 จังหวัดสงขลา แทนค่าปรับ แต่ไม่เกินหนึ่งปีนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการหักวันควบคุมและการบังคับค่าปรับไว้เป็นการเฉพาะ โดยมาตรา 85 วรรคแรก บัญญัติไว้ว่า “ในกรณีที่เด็กหรือเยาวชนอยู่ในความควบคุมของสถานพินิจระหว่างการพิจารณาคดี ไม่ให้ถือว่าเป็นการควบคุมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา แต่ถ้าศาลพิพากษาลงโทษหรือใช้วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชน ให้ศาลหักจำนวนวันที่อยู่ในความควบคุมของสถานพินิจ” และมาตรา 145 วรรคแรก ซึ่งเป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับการบังคับค่าปรับในกรณีจำเลยไม่ชำระค่าปรับบัญญัติว่า “ในกรณีที่เด็กหรือเยาวชนต้องโทษปรับไม่ว่าจะมีโทษจำคุกด้วยหรือไม่ก็ตาม ถ้าเด็กหรือเยาวชนไม่ชำระค่าปรับ ห้ามมิให้ศาลสั่งกักขังเด็กหรือเยาวชนแทนค่าปรับ แต่ให้ศาลส่งตัวไปควบคุมเพื่อฝึกอบรมในสถานที่ที่กำหนดไว้ในหมวด 4 หรือสถานที่อื่นที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายและศาลเห็นสมควรตามเวลาที่ศาลกำหนดแต่ต้องไม่เกินหนึ่งปี” จากถ้อยคำตามบทบัญญัติมาตรา 85 วรรคแรก เห็นได้ว่าเป็นบทบังคับให้ศาลต้องหักวันที่จำเลยถูกควบคุมในกรณีศาลพิพากษาลงโทษหรือใช้วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนทุกกรณีไม่ได้ให้ศาลใช้ดุลพินิจแต่อย่างใด เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าในระหว่างการพิจารณาจำเลยที่ 1 อยู่ในความควบคุมของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนราธิวาส ตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2558 และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2558 จำเลยที่ 1 จึงอยู่ในความควบคุมของสถานพินิจรวม 10 วัน ส่วนจำเลยที่ 2 อยู่ในความควบคุมของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนราธิวาส ตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2558 และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราววันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2558 รวม 9 วัน และตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม ถึงวันที่ 22 กรกฎาคม 2558 ซึ่งเป็นวันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเป็นเวลา 66 วัน รวมจำเลยที่ 2 อยู่ในความควบคุมของสถานพินิจ 75 วัน ในการบังคับคดีตามคำพิพากษาจึงต้องนำวันถูกควบคุมดังกล่าวมาหักออกจากระยะเวลาควบคุมเพื่อฝึกอบรมตามคำพิพากษาโดยผลของบทบัญญัติดังกล่าว ไม่ว่าคำพิพากษาของศาลจะระบุให้หักวันถูกควบคุมดังกล่าวไว้หรือไม่ก็ตาม เพราะเป็นการบังคับคดีตามกฎหมายอยู่แล้ว ดังนั้น แม้คำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่จำเป็นต้องระบุเรื่องนี้ไว้ก็ตาม แต่การที่ศาลชั้นต้นระบุในคำพิพากษาว่าให้หักจำนวนวันที่จำเลยทั้งสองอยู่ในความควบคุมของสถานพินิจออกจากระยะเวลาฝึกอบรมก็เป็นการระบุการบังคับคดีตามกฎหมาย มิได้เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด ส่วนการบังคับโทษปรับในกรณีที่เด็กหรือเยาวชนต้องโทษปรับแล้วไม่ชำระค่าปรับซึ่งมาตรา 145 วรรคแรก ให้ศาลส่งตัวไปควบคุมเพื่อฝึกอบรมในสถานที่ที่ศาลเห็นสมควรตามเวลาที่ศาลกำหนด แต่ต้องไม่เกินหนึ่งปี คำพิพากษาของศาลจึงต้องระบุให้ชัดเจนว่า ให้ส่งตัวไปควบคุมเพื่อฝึกอบรมซึ่งเป็นคนละกรณีกับกรณีมีการชำระค่าปรับตามวรรคสาม ซึ่งบัญญัติว่า ในกรณีมีการชำระค่าปรับหากเด็กหรือเยาวชนได้ถูกควบคุมตัวมาบ้างแล้ว ให้คิดหักระยะเวลาที่ถูกควบคุมตัวออกจากค่าปรับที่จะต้องชำระตามอัตราที่กำหนดในประมวลกฎหมายอาญา ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้ปรับจำเลยทั้งสองคนละ 25 บาท ก็ต้องระบุในคำพิพากษาให้ชัดเจนว่า หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระค่าปรับ ให้บังคับค่าปรับโดยให้ส่งตัวจำเลยทั้งสองไปควบคุมเพื่อฝึกอบรมแทนค่าปรับเป็นระยะเวลาเท่าใดให้ชัดเจน ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 วินิจฉัยว่า การที่ศาลชั้นต้นไม่ได้กำหนดเวลาให้ชัดเจนโดยกำหนดเพียงระยะเวลาชั้นสูงคือไม่เกิน 1 ปี ไม่ถูกต้องนั้นจึงชอบแล้ว แต่ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 วินิจฉัยต่อไปว่า การบังคับค่าปรับกรณีนี้อยู่ในบังคับของมาตรา 145 วรรคสาม ซึ่งใช้บังคับเฉพาะกรณีมีการชำระค่าปรับ โดยเห็นว่า เมื่อค่าปรับมีเพียง 25 บาท ไม่ถึง 200 บาท ตามอัตราที่กำหนดในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 30 (เดิม) เมื่อจำเลยทั้งสองไม่ชำระค่าปรับก็มีเหตุอันควรที่ไม่ต้องส่งตัวจำเลยทั้งสองไปฝึกอบรมแทนค่าปรับนั้นไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ตามข้อเท็จจริงปรากฏจากสำนวนว่า จำเลยทั้งสองชำระค่าปรับแล้ว กรณีจึงถือว่าไม่มีโทษปรับที่จะบังคับแก่จำเลยทั้งสองอีก ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นในส่วนที่ ให้หักวันถูกควบคุมและที่ระบุว่า หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระค่าปรับให้ส่งตัวจำเลยทั้งสองไปฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 9 จังหวัดสงขลา แทนค่าปรับ แต่ไม่เกินหนึ่งปีนั้น ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง ฎีกาจำเลยทั้งสองฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9 ส่วนที่พิพากษาว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้หักจำนวนวันที่จำเลยทั้งสองถูกควบคุมอยู่ในสถานพินิจออกจากระยะเวลาฝึกอบรมและที่ระบุว่า หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระค่าปรับให้ส่งตัวจำเลยทั้งสองไปฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 9 จังหวัดสงขลา แทนค่าปรับแต่ไม่เกินหนึ่งปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9

Share