แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ได้ความว่าโจทก์ใช้แบบฟอร์มศาล (9 ทวิ)ใบมอบฉันทะเขียนเป็นใบมอบอำนาจให้ฟ้องความโดยเขียนระบุข้อความไว้ชัดเจนในเอกสารที่เขียนเป็นใบมอบอำนาจว่าให้ผู้มีชื่อเป็นผู้ฟ้องเรื่องนี้แทนโจทก์โดยมีข้อความว่า ‘ข้าพเจ้า ฯลฯ มอบอำนาจให้ (ระบุชื่อผู้รับมอบ) ทำการฟ้อง (ระบุชื่อผู้ถูกฟ้องฐาน ข้อหาที่ฟ้อง) ต่อศาลแทนข้าพเจ้าและให้ดำเนินคดีต่อไปจนถึงที่สุดเพราะข้าพเจ้าอยู่ต่างจังหวัดไม่สะดวกที่จะมาดำเนินคดีได้ ‘ลงชื่อผู้มอบ ผู้รับมอบและพยานและมีอากรแสตมป์จำนวนเงิน 5 บาทปิดในเอกสารนั้นเช่นนี้ถือว่าเป็นการมอบอำนาจที่สมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว
ในกรณีที่โจทก์อ้างภาพถ่ายห้องพิพาทเป็นพยานถือว่าเป็นภาพจำลองไม่ใช่พยานเอกสารอันจะต้องส่งสำเนาให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก่อนวันสืบพยานดังบังคับไว้ใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 ดังนั้นโจทก์ผู้อ้างจึงไม่ต้องส่งสำเนาให้แก่จำเลยก่อนวันสืบพยาน
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับขับไล่จำเลยกับบริวารออกไปจากห้องที่จำเลยทั้งสองได้เช่าไปจากโจทก์ เพื่อประกอบการค้าและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 300 บาท และต่อไปเดือนละ 15 บาท จนกว่าจะออกไปจากห้อง
จำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยเช่าห้องพิพาทและตรอกทางเดินเพื่ออยู่อาศัยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ โจทก์ไม่เคยบอกเลิกสัญญาเช่า ไม่มีอำนาจฟ้องและไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากห้องพิพาทและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 15 บาทนับแต่วันละเมิดจนกว่าจะออกจากห้องพิพาท กับให้ใช้ค่าธรรมเนียมค่าทนาย 100 บาทแทนโจทก์ด้วย
จำเลยอุทธรณ์คัดค้านเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า
ก. โจทก์มอบอำนาจให้นายถนอม สุขกวี เป็นผู้ฟ้องความตามใบมอบอำนาจของโจทก์นั้นเป็นใบมอบอำนาจที่ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
ข. การเช่าของจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ
ค. รูปถ่ายที่โจทก์อ้างเป็นพยานเป็นพยานเอกสารชนิดหนึ่ง โจทก์มิได้ส่งสำเนาให้แก่จำเลยก่อนวันนัดพิจารณา 3 วัน จะรับฟังเป็นพยานประกอบคดีนี้ไม่ได้
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหาข้อ ก.ข.ค. แล้วพิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาคดีแล้วในปัญหาข้อ ก.เรื่องใบมอบอำนาจไม่สมบูรณ์เห็นว่าโจทก์ได้ระบุข้อความไว้ชัดเจนในเอกสารที่เขียนเป็นใบมอบอำนาจว่าให้นายถนอม สุขกวี เป็นผู้ฟ้องเรื่องนี้แทนโจทก์ คือมีข้อความว่า “ข้าพเจ้า ฯลฯ มอบอำนาจให้นายถนอม สุขกวี ทำการฟ้องนายโกหรือหยิว นางจันทร์ แซ่เฮง ฐานขับไล่และละเมิดออกจากห้องเช่าเลขที่ 878 ต่อศาลแทนข้าพเจ้า และให้ดำเนินคดีต่อไปจนถึงที่สุด เพราะข้าพเจ้าอยู่ต่างจังหวัดไม่สะดวกที่จะมาดำเนินคดีได้” ลงชื่อผู้มอบ ผู้รับมอบ และพยาน และมีอากรแสตมป์จำนวนเงิน 5 บาท ปิดในเอกสารนั้น แม้โจทก์จะใช้แบบฟอร์มศาล (9 ทวิ) ในมอบฉันทะเขียนเป็นใบมอบอำนาจก็เป็นการ มอบอำนาจที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
สำหรับปัญหาข้อ ข. เรื่องการเช่าของจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ว่าตามข้อเท็จจริงได้ความว่าห้องเช่ารายนี้ตั้งอยู่ในทำเลการค้าในชั้นแรกจำเลยได้เช่าเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย แต่ในชั้นหลังได้เปลี่ยนวัตถุประสงค์แห่งการเช่า โดยใช้สถานที่เช่าประกอบการค้าโดยลำดับมา จำเลยย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ กรณีดังนี้ศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้แล้วตามคำพิพากษาฎีกาที่ 624, 626, 627, 628, 625/2495 คดีระหว่างนายฉวี โกมลกิติ กับพวก โจทก์ นายทองอัน แซ่คูกับพวกจำเลย
ส่วนปัญหาข้อ ค. เรื่องรูปถ่ายที่โจทก์อ้างเป็นพยาน รับฟังเป็นพยานประกอบคดีไม่ได้นั้นเห็นว่า ภาพถ่ายพ้องพิพาทที่โจทก์อ้างเป็นพยานเป็นภาพจำลองวัตถุ ไม่ใช่พยานเอกสารอันจะต้องส่งสำเนาให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก่อนวันสืบพยานดังบังคับไว้ในมาตรา 90 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โจทก์ผู้อ้างจึงไม่ต้องส่งสำเนาให้แก่จำเลยก่อนวันสืบพยาน
ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้นทุกประการ ศาลล่างพิพากษาชอบแล้วจึงพิพากษายืน