แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ขายเรือนซึ่งอยู่ในที่ของโจทก์ให้จำเลย โดยมีข้อสัญญากันว่า โจทก์ผู้ขายยอมให้จำเลยผู้ซื้ออยู่ในที่ดินมีกำหนด 3 ปี โดยไม่คิดค่าเช่า นับแต่วันทำสัญญา ดังนี้ ในระยะ 3 ปีนี้จำเลยย่อมเอาเรือนหลังนี้ไปให้คนอื่นเช่าอยู่ได้ เพราะเรือนเป็นของจำเลยผู้ซื้อ จำเลยจะอยู่เองหรือจะให้ใครอยู่ ก็ย่อมมีสิทธิทำได้ เพราะเป็นการใช้สิทธิตามสัญญาซื้อขาย.
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์,จำเลยพิพาทกันตามสัญญาซื้อขายฉะบับลงวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๔๘๙ ซึ่งโจทก์ขายเรือนและโรงรถให้จำเลย แต่ให้จำเลยได้อยู่ในที่มีกำหนด ๓ ปี โดยไม่คิดค่าเช่า บัดนี้โจทก์หาว่า จำเลยได้ให้ผู้อื่นเช่าเรือนรายนี้ และตัวไปอยู่ที่อื่นเป็นการสละสิทธิ ขอให้รื้อเรือนไป จำเลยต่อสู้ว่า ไม่ได้สละสิทธิและมีอำนาจให้เช่าได้ ศาลชั้นต้นเห็นว่าตามสัญญาข้อ ๓ ตีความหมายได้ว่าเป็นการยอมให้อาคารที่จำเลยซื้อคงปลูกอยู่ในที่ดินของโจทก์ ๓ ปีแล้ว สิทธิของจำเลยเป็นสิทธิเหนือพิ้นดิน เมื่อในสัญญามิได้กำหนดการห้ามการโอนหรือกำหนดการใช้สิทธิไว้โดยฉะเพาะ จำเลยจะโอนให้แก่ใครก็ได้ พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์เห็นว่า กรณีเป็นเรื่องสิทธิอาศัย จะโอนกันไม่ได้ พิพากษากลับ บังคับให้จำเลยรื้อเรือนไป มีความเห็นแย้งว่า ควรพิพากษายกฟ้อง
จำเลยฎีกา,
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามสัญญาซื้อขายข้อ ๓ มีความชัดเจนว่า ผู้ขาย (โจทก์) ยอมให้ผู้ซื้อ (จำเลย) อยู่ในที่ดินมีกำหนด ๓ ปี โดยไม่คิดค่าเช่า นับแต่วันทำสัญญา ก็เมื่อเรือนเป็นของจำเลยผู้ซื้อแล้ว ผู้ซื้อจะอยู่เอง หรือให้ใครอยู่ก็ย่อมมีสิทธิทำได้ เพราะผู้ซื้อมีกรรมสิทธิในเรือนนั้นแล้ว เป็นการใช้สิทธิตามสัญญาซื้อขาย โจทก์จะหาว่าจำเลยละเมิดหรือผิดสัญญาไม่ได้
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง.