แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า ที่ดินของโจทก์ไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะโดยต้องผ่านที่ดินของจำเลยตามฟ้องหรือไม่ คู่ความท้ากันว่าหากทำแผนที่พิพาทได้ข้อเท็จจริงว่าที่ดินของโจทก์ไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะจำเลยยอมแพ้ แต่ถ้าปรากฏว่าที่ดินโจทก์สามารถออกสู่ทางสาธารณะได้ โจทก์ยอมแพ้คำท้าที่ว่าไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ ย่อมหมายความตามที่วิญญูชนทั่วไปเข้าใจกล่าวคือ ย่อมหมายความรวมทั้งไม่มีทางออกและมีทางออกแต่ไม่สามารถใช้ทางออกนั้นได้ เมื่อศาลชั้นต้นไปเผชิญสืบที่พิพาทปรากฏว่า ที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศใต้อยู่ติดกับทางส่วนบุคคลซึ่งเจ้าของทางไม่อนุญาตให้โจทก์ผ่านทางดังกล่าว ส่วนที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศเหนือติดกับที่ดินของจำเลย และทิศเหนือติดกับที่ดินของจำเลยเป็นทางสาธารณะประโยชน์ ด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกของที่ดินโจทก์ติดกับที่ดินของบุคคลอื่น จากสภาพดังกล่าวถือได้ว่า ที่ดินของโจทก์ไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะได้ จำเลยจึงต้องแพ้คดีตามคำท้า