คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3808/2549

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้มีคำสั่งถอนการบังคับคดีโดยอ้างว่า โจทก์ตกลงกับจำเลยยอมลดหนี้ตามคำพิพากษาลงเหลือ 150,000 บาท จำเลยชำระให้โจทก์ไว้ก่อนแล้ว 20,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 130,000 บาท จำเลยผ่อนชำระให้โจทก์ครบถ้วนตามข้อตกลงแล้ว การที่จำเลยอ้างว่ามีข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยเกี่ยวกับการลดยอดหนี้ดังกล่าวนั้น เป็นเรื่องที่กระทำนอกศาลโดยศาลมิได้รับรู้ด้วย เมื่อโจทก์ปฏิเสธ จำเลยจะยกมาเป็นเหตุเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งถอนการบังคับคดีหาได้ไม่ เป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องว่ากล่าวกับโจทก์เป็นอีกส่วนหนึ่ง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 600,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 15,000 บาท จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์จึงขอออกหมายบังคับคดี และนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยรวม 10 รายการ โดยมอบให้จำเลยเป็นผู้ดูแลรักษาทรัพย์ที่ยึดเพื่อนำออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์
จำเลยยื่นคำร้องว่า เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2545 โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปที่บ้านของจำเลยเพื่อขนย้ายทรัพย์ที่ยึดไปเก็บรักษา แต่โจทก์กับจำเลยตกลงกันได้โดยจำเลยจะชำระหนี้ให้โจทก์ในวันที่ 14 มีนาคม 2545 เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงงดย้ายทรัพย์ ต่อมาโจทก์กับจำเลยตกลงลดยอดหนี้ตามคำพิพากษาลงเหลือ 150,000 บาท โดยจำเลยชำระไปก่อนหน้านั้นแล้ว 20,000 บาท คงเหลือหนี้ 130,000 บาท ซึ่งต่อมาจำเลยได้ผ่อนชำระให้โจทก์ครบถ้วนแล้ว แต่โจทก์ไม่ถอนการยึดทรัพย์ตามข้อตกลง และเพิกเฉยไม่ไปติดต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อดำเนินการบังคับคดีต่อ แสดงว่าโจทก์ได้รับเงินครบถ้วนตามจำนวนที่ตกลงกับจำเลยแล้ว ขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งถอนการบังคับคดี
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า โจทก์ไม่เคยตกลงลดยอดหนี้ให้จำเลยลงเหลือ 150,000 บาท และไม่เคยตกลงว่าจะถอนการบังคับคดีหากจำเลยชำระหนี้อีก 130,000 บาท ข้อตกลงที่จำเลยอ้างไม่เคยปรากฏต่อศาล จำเลยจะอ้างว่ามีข้อตกลงนอกศาลไม่ได้ โจทก์ได้รับชำระหนี้ยังไม่ครบถ้วนตามคำพิพากษา ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลย ค่าคำร้องให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้มีคำสั่งถอนการบังคับคดีโดยอ้างว่า โจทก์ตกลงกับจำเลยยอมลดหนี้ตามคำพิพากษาลงเหลือ 150,000 บาท จำเลยชำระให้โจทก์ไว้ก่อนแล้ว 20,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 130,000 บาท จำเลยผ่อนชำระให้โจทก์ครบถ้วนตามข้อตกลงแล้ว โจทก์ยื่นคำคัดค้านปฏิเสธว่าข้ออ้างของจำเลยตามคำร้องไม่เป็นความจริง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกคำร้อง คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่า มีเหตุที่ศาลจะสั่งให้ถอนการบังคับคดีตามคำร้องของจำเลยหรือไม่ เห็นว่า ที่จำเลยอ้างว่ามีข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยเกี่ยวกับการลดยอดหนี้ดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องที่กระทำนอกศาลโดยศาลมิได้รับรู้ด้วย เมื่อโจทก์ปฏิเสธจำเลยจะยกมาเป็นเหตุเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งถอนการบังคับคดีหาได้ไม่ ข้อตกลงนอกศาลดังกล่าวหากมีอยู่จริงก็เป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องว่ากล่าวกับโจทก์เป็นอีกส่วนหนึ่ง ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องของจำเลยเพราะฟังว่าโจกท์ไม่ได้ตกลงลดยอดหนี้ให้จำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share