แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2494 ให้ความหมายการแปรรูปไม้ว่าการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่ไม้ คือเลื่อย ผ่า ถาก ขุดหรือกระทำด้วยประการอื่นใดแก่ไม้ให้เปลี่ยนรูปหรือขนาดไปจากเดิมนอกจากการลอกเปลือกหรือตบแต่งอันจำเป็นแก่การชักลากฉะนั้น การที่จำเลยถากไม้ของกลางเป็นเหลี่ยมเพื่อสะดวกแก่การชักลาก และเป็นไม้ที่จำเลยซื้อไว้โดยชอบด้วยกฎหมาย จึงถือได้ว่าจำเลยได้ตบแต่งอันจำเป็นโดยมิได้มีเจตนาที่จะกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายแต่ประการใดจำเลยจึงไม่ควรมีความผิด
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้แปรรูปไม้เคี่ยมอันเป็นไม้หวงห้ามและมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษและริบไม้ของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ และว่าไม้เคี่ยมของกลางเป็นไม้ของจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 48, 49, 73, 74 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2494 มาตรา 17 พระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2477 มาตรา 4ประกาศกระทรวงเกษตรเรื่องกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ข้อ 1. ให้ปรับจำเลย420 บาท จำเลยให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ 280 บาท ริบไม้ของกลาง
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า โจทก์ไม่ได้แสดงตัวประกาศหรือสำเนาประกาศกระทรวงเกษตรกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ในเขตท้องที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งได้คัดสำเนาไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอ ที่ทำการกำนันและที่สาธารณสถานในท้องที่ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ อันเจ้าหน้าที่รับรองถูกต้อง จะให้เชื่อคำพยานบุคคลที่ให้การถึงประกาศนั้น มิชอบจะฟังว่า จำเลยแปรรูปไม้ในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยมีประกาศและปิดประกาศแล้วนั้นมิได้ จำเลยไม่ผิด ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ได้แสดงประกาศหรือสำเนาอันเจ้าหน้าที่รับรองว่าถูกต้องซึ่งประกาศกำหนดไม้หวงห้ามและเขตควบคุมแปรรูปไม้นั้นศาลฎีกาได้พิพากษาโดยที่ประชุมใหญ่ไว้ในคำพิพากษาฎีกาที่ 1146/2502 ว่าไม่ใช่เป็นบทบังคับอันเป็นองค์ประกอบความผิดเท่าที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องเป็นรายละเอียดพอที่จำเลยเข้าใจได้ดีแล้ว จะยกเหตุนี้เป็นข้อยกฟ้องโจทก์ไม่ได้จึงต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงต่อไป
ได้ความชัดจากพยานโจทก์จำเลยว่า การที่จำเลยถากไม้ของกลางเป็นเหลี่ยม ก็เพื่อสะดวกแก่การชักลาก และเป็นไม้ที่จำเลยได้ซื้อไว้โดยชอบด้วยกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2494 มาตรา 3 ให้ความหมายการแปรรูปไม้ว่าการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่ไม้ คือ เลื่อย ผ่า ถาก ขุดหรือกระทำด้วยประการอื่นใดแก่ไม้ให้เปลี่ยนรูปหรือขนาดไปจากเดิม นอกจากการลอกเปลือกหรือตบแต่งอันจำเป็นแก่การชักลาก ฉะนั้น จึงถือได้ว่า จำเลยได้ตบแต่งอันจำเป็นแก่การชักลากจำเลยมิได้มีเจตนาที่จะกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายแต่ประการใด จำเลยจึงไม่ควรมีความผิดตามฟ้อง
พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ยกฎีกาโจทก์