คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 533/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าเกิดการละเมิดขึ้นในระหว่างที่เจ้าของเรือยนต์ (จำเลยที่ 1) ให้บุคคลอื่นเช่าเรือไปประกอบธุรกิจโดยที่คนประจำเรือรวมทั้งจำเลยที่ 2 ผู้ควบคุมเรือนั้นได้รับเงินเดือนจากผู้เช่าดังนี้ย่อมถือว่าผู้เช่าเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 2 หาใช่เจ้าของเรือยนต์ไม่ แม้ในระยะนี้จะได้มีการซ่อมเรือโดยเจ้าของเรือเป็นผู้จ่ายเงินค่าซ่อมก็ดีก็ยังถือว่าเป็นเวลาระหว่างเช่า

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้อง ว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของเรือยนต์มีจำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างผู้ควบคุมเรือ ๆ ขาดความระมัดระวังประมาทเลินเล่อทำให้เรือยนต์จำเลยชนเรือลำเลียงของโจทก์แตกเสียหาย

จำเลยรับว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของเรือยนต์มีจำเลยที่ 2 เป็นนายเรือจริงแต่ขณะเกิดเหตุบริษัทสงขลาลำเลียงจำกัดได้เช่าไปเด็ดขาดจากจำเลยที่ 1 แล้ว เรือยนต์จำเลยเลี้ยวพ้นเรือโจทก์แล้วเกิดอุบัติเหตุกระแสน้ำเชี่ยวพัดเรือไปกระทบกันเพียงเบาเบา เสียหายเล็กน้อย

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายเพราะทำละเมิด38,626.96 บาท

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 1

โจทก์ฎีกาขอให้จำเลยที่ 1 รับผิดร่วมกับจำเลยที่ 2

ศาลฎีกาพิจารณาแล้วคดีมีข้อวินิจฉัยเฉพาะข้อที่โจทก์ฎีกาขึ้นมาเกี่ยวแก่การวินิจฉัยข้อนี้มีประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425 ว่านายจ้างต้องร่วมรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งการละเมิดซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้นข้อเท็จจริงได้ความชัดว่าในระหว่างเกิดการละเมิดในคดีนี้อยู่ในระหว่างระยะเวลาที่จำเลยที่ 1 ผู้เป็นเจ้าของเรือยนต์อ่าวไทย 5 ได้ให้บริษัทสงขลาลำเลียงจำกัดเช่าเรือไปประกอบกิจการของผู้เช่าตลอดจนคนประจำเรือรวมทั้งจำเลยที่ 2 ผู้มีหน้าที่ควบคุมเรือยนต์อ่าวไทย 5 ด้วย ก็ได้รับเงินเดือนจากบริษัทสงขลาลำเลียงจำกัดซึ่งเป็นผู้เช่า ในระหว่างระยะเวลาเช่าบริษัทสงขลาจึงเป็นผู้จ้างหรือนายจ้างของจำเลยที่ 2 ส่วนจำเลยที่ 1 ผู้เป็นเจ้าของเรือหาใช่เป็นผู้จ้างจำเลยที่ 2 ในระหว่างนั้นไม่ ในระหว่างเวลาเช่าจึงเรียกไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นนายจ้างจำเลยที่ 2 แม้จะปรากฏว่าในระหว่างเวลาเช่าได้มีการซ่อมแซมเรือโดยฝ่ายเจ้าของเรือเป็นผู้จ่ายเงินค่าซ่อมเรือตามสัญญาก็ดีแต่ในระหว่างซ่อมก็ยังถือว่าเป็นเวลาระหว่างเช่า จึงพิพากษายืน

Share