แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่จำเลยได้มีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งธนบัตรปลอม แล้วจำเลยใช้ธนบัตรปลอมดังกล่าวซื้อสินค้าจากผู้เสียหายทั้งเจ็ด เป็นการสร้างความเสียหายต่อระบบการค้าและเงินตราของประเทศ ทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนโดยส่วนรวมนับเป็นพฤติการณ์ที่ร้ายแรงไม่ควรรอการลงโทษให้จำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32, 33, 244 ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 244 ให้จำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่งคงจำคุก 2 ปี ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุก 2 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 1 ปีนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษจำคุกนั้นเห็นว่า การที่จำเลยได้มีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งธนบัตรปลอม แล้วจำเลยใช้ธนบัตรปลอมดังกล่าวซื้อสินค้าจากผู้เสียหายทั้งเจ็ด เป็นการสร้างความเสียหายต่อระบบการค้าและเงินตราของประเทศ ทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนโดยส่วนรวม นับเป็นพฤติการณ์ที่ร้ายแรงที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษให้จำเลยนั้น เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน