คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 829/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เอกสารสัญญาขายฝากข้อแรกมีว่า ตกลงขายฝากมีกำหนดสองปี แต่ข้ออื่นถัดไปมีว่า กำหนดไถ่ถอนภายใน 1 ปี ข้อความทั้งสองข้อนี้จึงขัดแย้งกันเพราะมีข้อความไม่ชัดเจนพอที่จะพิจารณาถึงเจตนาอันแท้จริงของคู่สัญญาได้ ทั้งข้อเท็จจริงตามที่โจทก์ฟ้อง และจำเลยให้การตลอดจนคำแถลงรับของโจทก์จำเลยนั้นก็ยังมีข้อโต้แย้งกันอยู่ ไม่ชัดแจ้งพอที่จะให้ศาลตีความตามเอกสารนั้นได้ กรณีจึงชอบที่จะให้มีการสืบพยานเพื่อฟังข้อเท็จจริงให้แน่ชัดว่าเป็นเช่นใดเสียก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ขายฝากที่ดินไว้แก่จำเลยสองแปลง และได้ขอไถ่ถอนการขายฝากจากจำเลย แต่จำเลยไม่ยอมให้ไถ่ จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยสู้ว่า จำเลยรับซื้อฝากไว้มีกำหนด ๑ ปี สัญญาขายฝากสิ้นสุดลง ที่ดินตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยแล้ว สามีโจทก์มอบอำนาจให้โจทก์ฟ้องคดีเป็นส่วนตัว โจทก์จะมอบอำนาจให้ทนายฟ้องไม่ได้
ในวันชี้สองสถานคู่ความส่งเอกสารและยอมรับความถูกต้องของเอกสารนั้นแล้วและขอให้ศาลตีความในสัญญาว่า อายุการไถ่ถอนในสัญญาควรจะเป็น ๑ ปี หรือ ๒ ปี ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาว่า ข้อความในเอกสารนั้นขัดแย้งกันการตีความหมายในสัญญาจึงต้องตีไปในทางที่เป็นคุณแก่คู่กรณีฝ่ายซึ่งจะเป็นผู้ต้องเสียในมูลหนี้ให้จำเลยรับการไถ่ถอนการขายฝากของโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า สามีโจทก์ยินยอมให้โจทก์ฟ้องจำเลยได้ โจทก์ย่อมมีสิทธ์ที่จะแต่งตั้งทนายความให้ดำเนินคดีแทนรวมทั้งลงชื่อฟ้องคดีแทนได้ ส่วนประเด็นในคดีเห็นว่าข้อเท็จจริงที่ได้จากคำฟ้องของโจทก์ คำให้การจำเลยตลอดจนคำแถลงรับของคู่ความเท่าที่ปรากฏยังไม่ชัดแจ้งพอ และยังมีข้อที่เถียงกันอยู่ เมื่อโจทก์จำเลยประสงค์จะสืบพยานเพื่อประโยชน์ในการตีความสัญญาขายฝาก ซึ่งศาลจำต้องตีความในการแสดงเจตนาของคู่ความโดยเพ่งเล็งถึงเจตนาอันแท้จริงยิ่งกว่าถ้อยคำสำนวนตามตัวอักษร ย่อมเป็นการสมควรที่จะให้คู่ความใช้สิทธินำพยานเข้าสืบได้ตามประสงค์ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ดำเนินการสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกาในเรื่องให้สืบพยานแล้วพิพากษาใหม่
ศาลฎีกาเห็นว่า เอกสารสัญญาขายฝากข้อ ๑ มีว่า ตกลงขายฝากกำหนด ๒ ปี แต่ข้อ ๔ มีว่า กำหนดไถ่ถอนภายใน ๑ ปี ข้อความทั้งสองในสัญญานี้จึงขัดแย้งกัน และมีข้อความไม่ชัดเจนพอที่จะพิจารณาถึงเจตนาอันแท้จริงของคู่สัญญาได้ ทั้งข้อเท็จจริงตามที่โจทก์ฟ้องและจำเลยให้การตลอดจนคำแถลงรับของโจทก์จำเลยนั้น ก็ยังมีข้อโต้แย้งกันอยู่ ไม่ชัดแจ้งพอที่จะให้ศาลตีความตามเอกสารนั้นได้ กรณีจึงชอบที่จะให้มีการสืบพยาน เพื่อฟังข้อเท็จจริงให้แน่ชัดว่าเป็นเช่นใดเสียก่อน
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์.

Share