แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้โจทก์ได้โต้แย้งการประเมินอากรในการตีราคาสินค้าเพิ่มไว้ที่หลังใบขนสินค้าขาเข้าแล้ว แต่ถือไม่ได้ว่าเป็นการอุทธรณ์การประเมินภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตาม ประมวลรัษฎากรมาตรา 30 โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลคืนจากจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์สั่งซื้อและนำเข้าซี่ลวดรถจักรยานจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อนำไปผลิตเป็นวงล้อรถจักรยานจำนวน ๔,๑๔๐ กร็อสราคา๑๐,๗๖๔ เหรียญสหรัฐอเมริกา โจทก์ได้ยื่นรายการเสียภาษีอากรต่อจำเลยโดยคิดราคาสินค้าเป็นเงินไทย ๒๔๗,๓๐๒.๙๐ บาท เป็นค่าภาษีอากรที่ต้องเสีย ๑๑๗,๐๓๑.๓๑บาท แต่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยตรวจแล้วให้โจทก์เพิ่มราคาสินค้าเป็น๕๐๐,๕๗๘.๔๗ บาท ทั้งได้กำหนดกำไรมาตรฐานสินค้าของโจทก์เป็นร้อยละ๒๖ ทำให้โจทก์ต้องเสียค่าภาษีอากรเป็นเงิน ๒๔๖,๕๗๘.๐๑ บาท โจทก์ได้ชำระค่าภาษีอากรตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยสั่ง โดยสงวนสิทธิที่จะอุทธรณ์เรียกเงินที่ชำระเกินคืน และขอรับสินค้าซี่ลวดรถจักรยานจากพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลย แต่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยไม่ยอมตรวจปล่อยสินค้าให้แก่โจทก์ เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ ขอให้พิพากษาว่า การประเมินราคาสินค้าเพิ่มและการคำนวณภาษีอากรเพิ่มไม่ชอบ ให้ยกเลิกการประเมินราคาสินค้าและการคำนวณภาษีอากรเพิ่ม ให้จำเลยคืนเงินที่เกิดจากการประเมินราคาไม่ชอบจำนวน ๑๒๙,๕๔๐.๗๐ บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ย และให้ใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย และให้ตรวจปล่อยสินค้าให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยได้ทำการประเมินราคาสินค้า อากรขาเข้า ภาษีการค้า และภาษีบำรุงเทศบาล เรียกเก็บจากโจทก์ถูกต้องตามกฎหมายและตามความเป็นจริง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า โจทก์ต้องเสียค่าภาษีอากรสำหรับซี่ลวดและหัวซี่ลวดรถจักรยานยนต์พิพาทที่นำเข้า โดยคำนวณจากราคา ๔๑๙,๑๗๔.๒๘บาท เมื่อได้จำนวนค่าภาษีอากรแล้วให้นำไปหักออกจากค่าภาษีอากรที่โจทก์ชำระไว้๒๔๖,๕๗๘.๐๑ บาท และให้จำเลยคืนส่วนที่เกินให้แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๒๙ อันเป็นวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าสินค้าที่โจทก์นำเข้ามาเป็นซี่ลวดและหัวซี่ลวดรถจักรยานยนต์ จำเลยจึงประเมินภาษีอากรใหม่ให้ถูกต้องได้การที่โจทก์คัดค้านโดยขอสงวนสิทธิโต้แย้งราคาและอัตรากำไร แสดงว่าโจทก์ยังยืนยันว่าสินค้าที่นำเข้าเป็นซี่ลวดและหัวซี่ลวดรถจักรยาน อันเป็นมูลเหตุให้สามารถดำเนินคดีอาญาแก่โจทก์ในฐานสำแดงเท็จซึ่งสินค้าพิพาทเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.๒๔๖๙ มาตรา ๒๗, ๙๙ ได้ จำเลยย่อมมีอำนาจกักยึดสินค้าพิพาทไว้จนกว่าคดีอาญาจะถึงที่สุด การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยต่อไปว่า จำเลยประเมินภาษีอากรชอบหรือไม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยไม่ได้คำนวณราคาของตามราคาอันแท้จริงในท้องตลาดในเวลาที่โจทก์นำของเข้าสำเร็จตามพระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ.๒๔๖๙ มาตรา ๒, ๑๐ ทวิ ผลการประเมินภาษีอากรจึงไม่ชอบ และวินิจฉัยต่อไปว่า ราคาซี่ลวดและหัวซี่ลวดจำนวน ๔๑๙,๑๗๔.๒๘ บาท ตามเอกสารหมายล.๒๔ และ ล.๒๕ เป็นราคาที่มีการซื้อขายกันจริงเกิดขึ้นในเวลาที่นำของเข้าสำเร็จ จึงเป็นราคาของที่นำมาคำนวณอากรขาเข้าได้ การที่จำเลยประเมินราคาของเพิ่มขึ้นเป็น ๕๐๐,๕๗๘.๔๗ บาท และคำนวณค่าอากรขาเข้าจากราคาดังกล่าวจึงเป็นการประเมินที่ไม่ชอบ สำหรับภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลนั้น แม้โจทก์ได้โต้แย้งการประเมินอากรในการตีราคาสินค้าเพิ่มไว้ที่หลังใบขนสินค้าขาเข้าเอกสารหมาย จ.๑๒ แล้ว แต่ถือไม่ได้ว่าเป็นการอุทธรณ์การประเมินภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ตามประมวลรัษฎากรมาตรา ๓๐ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลคืนจากจำเลย จำเลยต้องคืนเฉพาะอากรขาเข้าส่วนที่เกินแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๐.๖๒๕ ต่อเดือน ของจำนวนที่ต้องคืนโดยไม่คิดทบต้น ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.๒๔๖๙ มาตรา ๑๑๒ จัตวา วรรคสี่แต่ทั้งนี้ให้นับแต่วันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๒๙ อันเป็นวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จตามคำขอของโจทก์ซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยอยู่แล้ว จึงให้จำเลยรับผิดชำระดอกเบี้ยตามคำขอของโจทก์
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนการประเมินเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับอากรขาเข้า ให้จำเลยประเมินอากรขาเข้าใหม่โดยใช้ราคาของ๔๑๙,๑๗๔.๒๘ บาท เป็นเกณฑ์ในการคำนวณแล้วคืนอากรขาเข้าส่วนที่เกินแก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.