แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
รายการในฟ้องส่วนที่เป็นคำขอท้ายฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 (6) ระบุแต่เพียงให้อ้างมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำนั้นเป็นความผิดเท่านั้น หาได้บังคับว่าต้องระบุวรรคมาด้วยไม่ ดังนั้น แม้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน ขอให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 339 โดยไม่ได้ระบุวรรคมาด้วย เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ดังฟ้อง ศาลย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 339 วรรคสอง ได้ มิได้เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
ปัญหาดังกล่าวแม้เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น แต่ก็เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขฟ้องว่า ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 ให้คืนเงิน 1,900 บาท แก่ผู้เสียหาย และนับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 484/2550 ของศาลจังหวัดมีนบุรี
จำเลยให้การรับสารภาพและรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสอง จำคุก 10 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 5 ปี นับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 484/2550 ของศาลจังหวัดมีนบุรี คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเพียงว่า เมื่อในคำขอท้ายฟ้องโจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 โดยไม่ได้ระบุว่าเป็นวรรคไหน แสดงว่าโจทก์ประสงค์จะลงโทษจำเลยตามมาตรา 339 วรรคแรกเท่านั้น การลงโทษจำเลยตามมาตรา 339 วรรคสอง จึงเป็นการพิพากษาเกินคำขอ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคหนึ่ง เห็นว่า ฎีกาของจำเลยข้อนี้มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วแต่ในศาลชั้นต้นแต่ก็เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 สำหรับปัญหาที่จำเลยฎีกา เห็นว่า รายการในฟ้องส่วนที่เป็นคำขอท้ายฟ้องนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (6) ระบุแต่เพียงให้อ้างมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิดเท่านั้น หาได้บังคับว่าจะต้องระบุว่าวรรคใดด้วยไม่ เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนแล้วว่าจำเลยชิงทรัพย์ผู้เสียหายในเวลากลางคืน อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสอง และข้อเท็จจริงฟังได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตรงตามที่โจทก์บรรยายฟ้อง ศาลก็ชอบที่จะพิพากษาลงโทษจำเลยได้ตามนั้น มิได้เป็นการพิพากษาเกินคำขอดังที่จำเลยฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน