แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องว่าจำเลยแจ้งความเท็จต่อนายอำเภอ แต่นำสืบได้ความว่าจำเลยแจ้งเท็จแก่เสมืยนฝึกหัด เป็นการสืบไม่สมฟ้อง การพูดโต้ตอบกับนายอำเภอไม่เป็นการแจ้งความเท็จ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยนำข้อความซึ่งรู้อยู่ว่าเป็นมาแจ้งต่อนายอำเภอเมืองอันเป็นนายทะเบียนสัตว์พาหนะประจำอำเภอว่า จำเลยชื่อสี โนนธาตุ ซึ่งไม่ใช่ความจริง โดยจำเลยประสงค์จะให้ตรงกับตั๋วพิมพ์รูปพรรณสัตว์พาหนะฉะบับหนึ่งซึ่งจำเลยจะทำการโอน อาจเป็นการเสียหายแก่ราชการและนายอำเภอ ขอให้ลงโทษ จำเลยปฏิเสธศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยแจ้งเท็จในชื่อของตนแล้วก็กลับแจ้งชื่อที่แท้จริงของจำเลยในทันใดนั้น ไม่เรียกว่าได้แจ้งเท็จ จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยผิดตามกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๘ ให้ปรับ ๑๐ บาท
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้แจ้งเท็จต่อนายอำเภอ จังเป็นหน้าที่โจทก์จะต้องสืบให้สมดังฟ้อง โจทก์มีนายอำเภอกับเสมียนตราเบิกความว่า จำเลยได้มาขอโอนตั๋วพิมพ์รูปพรรณว่าจำเลยชื่อ สี ซึ่งความจริงชื่อ แดง จำเลยมาพูดกับเสมียนฝึกหัด พะยานเกิดสงสัยจึงสอบถาม ในที่สุดจำเลยก็รับว่าไม่ใช่ตั๋วพิมพ์รูปพรรณของจำเลย ฯลฯ ดังนี้ก็แปลว่าจำเลยได้แจ้งเท็จต่อเสมียนฝึกหัด ส่วนที่พูดโต้ตอบกับนายอำเภอหรือเสมียนตรานั้นเป็นการสอบถามถึงเรื่องที่จำเลยแจ้งไว้กัยเสมียนฝึกหัดเท่านั้น จึงเรียกไม่ได้ว่าจำเลยได้แจ้งเท็จต่อนายอำเภอดังฟ้อง จึงพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์