แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นำที่ดินที่มีสภาพเป็นสระน้ำขนาดใหญ่เช่นเดียวกับคดีนี้ไปใช้เป็นหลักประกันในการปล่อยชั่วคราวจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ 1874/2545 ของศาลอาญาธนบุรี และผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ยังผิดสัญญาประกันอีกหลายคดีในศาลอาญาธนบุรี ศาลแขวงธนบุรี และศาลจังหวัดนนทบุรี พฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ซึ่งเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 31 (1) นั้น เป็นเรื่องร้ายแรง ไม่ควรรอการลงโทษ แต่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน มีอายุมาก และร่างกายไม่แข็งแรง ทั้งผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 พยายามบรรเทาผลร้าย โดยนำเงินค่าปรับมาชำระแก่ศาลชั้นต้นครบถ้วนแล้ว จึงมีเหตุสมควรลงโทษผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ในสถานเบา
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2550 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวนางสาววาลิตา ผู้ต้องหา ต่อศาลชั้นต้น โดยนำโฉนดที่ดินเลขที่ 49182 ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เป็นหลักประกันและได้ระบุในบัญชีทรัพย์ว่าเป็นที่ว่างเปล่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ใช้ที่ดินดังกล่าวเป็นหลักประกันในวงเงิน 350,000 บาท ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งปรับผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เนื่องจากผิดสัญญาประกัน วันที่ 4 ธันวาคม 2553 ศาลจังหวัดเชียงใหม่มีหนังสือแจ้งศาลชั้นต้นว่าได้ดำเนินการยึดที่ดินหลักประกันแล้วแต่ที่ดินมีสภาพถูกขุดเป็นสระน้ำประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ไม่ตรงกับสภาพที่ดินที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้แถลงต่อศาลเป็นเหตุให้สภาพทรัพย์ไม่คุ้มความรับผิดตามสัญญาประกัน กรณีมีเหตุสงสัยว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีพฤติการณ์เข้าข่ายความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล จึงแจ้งข้อหาฐานละเมิดอำนาจศาลแก่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1
ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ให้การรับสารภาพ
ในวันนัดพร้อมปรากฏข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 มีส่วนเกี่ยวข้องในการยื่นขอปล่อยชั่วคราว ศาลชั้นต้นจึงหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 มาไต่สวน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31 (1), 33 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 สำหรับผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ให้จำคุก 2 เดือน และปรับ 500 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 1 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ส่วนผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ให้จำคุก 1 เดือน
ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษนั้น เห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นำที่ดินที่มีสภาพเป็นสระน้ำขนาดใหญ่เช่นเดียวกับคดีนี้ไปใช้เป็นหลักประกันในการปล่อยชั่วคราวจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ 1874/2545 ของศาลอาญาธนบุรี และผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ยังผิดสัญญาประกันอีกหลายคดีในศาลอาญาธนบุรี ศาลแขวงธนบุรี และศาลจังหวัดนนทบุรี พฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 จึงเป็นเรื่องร้ายแรง ไม่ควรรอการลงโทษ แต่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน มีอายุมาก และร่างกายไม่แข็งแรง ทั้งผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 พยายามบรรเทาผลร้าย โดยเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2561 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นำเงินค่าปรับมาชำระแก่ศาลชั้นต้นครบถ้วนแล้ว กรณีจึงมีเหตุสมควรลงโทษผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ในสถานเบา ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจลงโทษจำคุกผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เป็นเวลา 1 เดือน นั้น หนักเกินไป ฎีกาของผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เป็นเวลา 10 วัน โทษจำคุกให้เปลี่ยนเป็นกักขังแทนเป็นเวลา 10 วัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์