แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้ซื้อที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์จากล. สามีจำเลยโดยไม่ได้ทำสัญญาซื้อขายเป็นหนังสือและจดทะเบียนการโอนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ทั้งนี้เพราะโจทก์ได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินเกินกว่า20ปีแล้วขอให้จำเลยไปจดทะเบียนการโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่ได้ซื้อที่ดินพิพาทจากล. จำเลยล. สามีจำเลยและบ. บุตรจำเลยได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทตลอดมาขอให้ศาลยกฟ้องดังนี้จะเห็นได้ว่าโจทก์จำเลยยกประเด็นเรื่องการครอบครองที่ดินพิพาทขึ้นต่อสู้เป็นสาระสำคัญส่วนเรื่องสัญญาซื้อขายที่ดินนั้นโจทก์กล่าวอ้างเพียงให้เห็นว่าล. สามีจำเลยได้ส่งมอบการครอบครองที่ดินพิพาทให้โจทก์ครอบครองเท่านั้นประเด็นข้อพิพาทจึงมีว่าโจทก์หรือจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทดังนั้นที่จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าการซื้อขายที่ดินพิพาทโดยไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนการโอนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา456จึงเป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่ง ที่จำเลยฎีกาว่าคดีมีประเด็นข้อพิพาทเฉพาะการซื้อขายเท่านั้นศาลอุทธรณ์ยกเรื่องสิทธิครอบครองขึ้นวินิจฉัยไม่ชอบนั้นในครั้งแรกศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคดีมีประเด็นข้อพิพาทว่าโจทก์ได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทหรือไม่ด้วยและพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ในปัญหาดังกล่าวโจทก์จำเลยต่างไม่ฎีกาปัญหาว่าคดีมีประเด็นว่าโจทก์ได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทด้วยจึงยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวจำเลยจะยกปัญหานี้ขึ้นฎีกาในชั้นนี้อีกหาได้ไม่ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อต้นปี 2526 โจทก์ซื้อที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 801 ตำบลคลองแห อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาเนื้อที่ 1 งาน 64 ตารางวา จากนายล่อง กลิ่นรัศมี ในราคา40,000 บาท โดยไม่ได้ไปทำการโอนกันทางทะเบียน ทั้งนี้เพราะโจทก์ได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวตลอดมาเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว ต่อมาในปี 2530 นายล่องถึงแก่ความตาย จำเลยซึ่งเป็นภริยาและเป็นทายาทได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกโจทก์ติดต่อให้จำเลยโอนที่ดินแก่โจทก์ แต่จำเลยเพิกเฉยที่ดินทั้งแปลงราคา 41,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนโอนที่ดินแปลงดังกล่าวให้แก่โจทก์ หากจำเลยไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวแก่โจทก์ หากไม่ส่งมอบขอให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดินอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาออกใบแทนเพื่อโจทก์จะได้นำไปจดทะเบียนโอนต่อไป
จำเลยให้การว่า ที่ดินพิพาทจำเลยและนายล่องได้เข้าทำประโยชน์ตลอดมา นายล่องไม่เคยขายที่ดินดังกล่าวให้โจทก์เมื่อประมาณ 5 ถึง 6 ปี มานี้ จำเลยและนายล่องได้มีเจตนายกที่ดินพิพาทให้แก่นายบุญส่ง กลิ่นรัศมี ซึ่งเป็นบุตรและนายบุญส่งได้เข้าดูแลทำประโยชน์ตลอดมา โจทก์ไม่เคยติดต่อทวงถามนายล่องในขณะมีชีวิต และไม่เคยทวงถามจำเลยเกี่ยวกับที่ดินพิพาทเช่นกัน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่า การที่โจทก์ฟ้องโดยมีข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า โจทก์ซื้อที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 801 ตำบลคลองแห อำเภอหาดใหญ่จังหวัดสงขลา จากจำเลยในราคา 40,000 บาท โดยชำระเงินให้ครบถ้วนกับได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวติดต่อกันมานานแล้วทั้งประเด็นที่ศาลชั้นต้นกำหนดว่า โจทก์ซื้อที่ดินพิพาทตามฟ้องหรือไม่ ครอบคลุมถึงปัญหาที่ว่าโจทก์ได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทด้วยหรือไม่ แต่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัยปัญหาดังกล่าวพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นในส่วนที่ยังมิได้วินิจฉัย แล้วให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ในปัญหาดังกล่าว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) เลขที่ 801 เล่ม 9 ก หน้า 1 ตำบลคลองแห อำเภอหาดใหญ่จังหวัดสงขลา แก่โจทก์ พร้อมกับจดทะเบียนโอนที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาจดทะเบียนโอนแทนจำเลย คำขออื่นของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอที่ให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์ หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาจดทะเบียนโอนแทนจำเลยเสีย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องว่า เมื่อต้นปี 2526 โจทก์ได้ซื้อที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)เลขที่ 801 ตำบลคลองแห อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จากนายล่อง กลิ่นรัศมี สามีจำเลย โดยไม่ได้ทำสัญญาซื้อขายเป็นหนังสือและจดทะเบียนการโอนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้เพราะโจทก์ได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินเกินกว่า 20 ปี แล้วขอให้จำเลยไปจดทะเบียนการโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์ จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่ได้ซื้อที่ดินพิพาทจากนายล่อง จำเลย นายล่องสามีและนายบุญส่ง กลิ่นรัศมี บุตรจำเลยได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทตลอดมา ขอให้ศาลยกฟ้อง ดังนี้จะเห็นได้ว่าโจทก์จำเลยยกประเด็นเรื่องการครอบครองที่ดินพิพาทขึ้นต่อสู้เป็นสาระสำคัญส่วนเรื่องสัญญาซื้อขายที่ดินนั้น โจทก์กล่าวอ้างเพียงให้เห็นว่านายล่องสามีจำเลยได้ส่งมอบการครอบครองที่ดินพิพาทให้โจทก์ครอบครองเท่านั้น ประเด็นข้อพิพาทจึงมีว่า โจทก์หรือจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท ดังนั้น ที่จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า การซื้อขายที่ดินพิพาทโดยไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนการโอนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 หรือไม่ เป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาของจำเลยมาจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าว และที่จำเลยฎีกาว่าคดีมีประเด็นข้อพิพาทเฉพาะการซื้อขายเท่านั้น ศาลอุทธรณ์ภาค 3ยกเรื่องสิทธิครอบครองขึ้นวินิจฉัยไม่ชอบนั้น เห็นว่า ในครั้งแรกศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่า คดีมีประเด็นข้อพิพาทว่าโจทก์ได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทหรือไม่ด้วย และพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ในปัญหาดังกล่าว โจทก์จำเลยต่างไม่ฎีกา ปัญหาว่าคดีมีประเด็นว่าโจทก์ได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทด้วยจึงยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ดังกล่าวจำเลยจะยกปัญหานี้ขึ้นฎีกาในชั้นนี้อีกหาได้ไม่ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายกฎีกาของจำเลย คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้จำเลย ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ