คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9275/2556

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามรายงานของเจ้าพนักงานบังคับคดี ฉบับลงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2542 รายงานต่อศาลชั้นต้นว่า เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2542 โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยังที่ดินพิพาทเพื่อดำเนินการบังคับคดี เมื่อไปถึงพบจำเลยยินยอมยกต้นกล้วยทั้งหมดในที่ดินพิพาทให้ตกเป็นของโจทก์ และโจทก์จะเป็นผู้ดำเนินการรื้อถอนต้นกล้วยพร้อมปรับที่ดินเอง เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงส่งมอบการครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์เข้าครอบครองแล้วในวันดังกล่าว ดังนั้น การบังคับคดีจึงเป็นอันเสร็จสิ้นสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว โจทก์ย่อมมีสิทธิเข้าครอบครองที่ดินพิพาทได้ทันทีนับแต่วันรับมอบที่ดินพิพาท การที่จำเลยนำไม้กระดานไปกองอยู่บนแคร่รุกล้ำเข้ามาในที่ดินบางส่วนของโจทก์ ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่รบกวนสิทธิของโจทก์ที่เกิดขึ้นใหม่ในภายหลังที่การบังคับคดีได้สิ้นสุดแล้ว โจทก์ชอบที่จะดำเนินการฟ้องร้องเป็นคดีใหม่

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนต้นกล้วยออกจากที่ดินพิพาทและปรับที่ดินพิพาทให้เหมือนเดิม ห้ามจำเลยและบริวารรบกวนการครอบครองที่ดินพิพาทของโจทก์อีกต่อไป โจทก์ยื่นคำขอให้ออกหมายบังคับคดี ศาลชั้นต้นออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี ต่อมาวันที่ 23 กันยายน 2542 โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยังที่ดินพิพาทเพื่อดำเนินการบังคับคดี เมื่อไปถึงพบจำเลยยินยอมยกต้นกล้วยทั้งหมดในที่ดินพิพาทให้ตกเป็นของโจทก์ และโจทก์จะเป็นผู้ดำเนินการรื้อถอนต้นกล้วยพร้อมปรับที่ดินเอง เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงส่งมอบการครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์เข้าครอบครองในวันดังกล่าว ตามรายงานผลการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดี ฉบับลงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2542
วันที่ 5 ตุลาคม 2554 โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี เพื่อดำเนินการบังคับคดีแก่จำเลยต่อไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลมีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานแล้ว จึงไม่อาจมีคำสั่งซ้ำอีก และเป็นเรื่องที่โจทก์ต้องแจ้งเจ้าพนักงานบังคับคดีให้ดำเนินการบังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาต่อไป ยกคำร้อง
วันที่ 13 ธันวาคม 2554 โจทก์ยื่นคำร้อง ขอให้ศาลมีหนังสือยืนยันและแจ้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีต่อไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยยังมิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาให้ถูกต้อง การบังคับคดีจึงยังไม่สิ้นสุดให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการต่อ หมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี
จำเลยยื่นคำคัดค้านขอให้เพิกถอนหมายบังคับคดี
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งว่า ศาลมีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีภายใน 10 ปี แต่เมื่อจำเลยยังมิได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามคำพิพากษา โจทก์จึงสามารถบังคับคดีต่อไปได้ ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่ง ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษากลับเป็นว่า ให้เพิกถอนหมายบังคับคดี ฉบับลงวันที่ 15 ธันวาคม 2554 ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การออกหมายบังคับคดีของศาลชั้นต้น ฉบับลงวันที่ 15 ธันวาคม 2554 ชอบหรือไม่ เห็นว่า ตามรายงานของเจ้าพนักงานบังคับคดี ฉบับลงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2542 รายงานต่อศาลชั้นต้นว่า เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2542 โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยังที่ดินพิพาทเพื่อดำเนินการบังคับคดี เมื่อไปถึงพบจำเลยยินยอมยกต้นกล้วยทั้งหมดในที่ดินพิพาทให้ตกเป็นของโจทก์ และโจทก์จะเป็นผู้ดำเนินการรื้อถอนต้นกล้วยพร้อมปรับที่ดินเอง เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงส่งมอบการครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์เข้าครอบครองแล้วในวันดังกล่าว ดังนั้น การบังคับคดีจึงเป็นอันเสร็จสิ้นสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว โจทก์ย่อมมีสิทธิเข้าครอบครองที่ดินพิพาทได้ทันทีนับแต่วันรับมอบที่ดินพิพาท การที่จำเลยนำไม้กระดานไปกองอยู่บนแคร่รุกล้ำเข้ามาในที่ดินบางส่วนของโจทก์ ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่รบกวนสิทธิของโจทก์ที่เกิดขึ้นใหม่ในภายหลังที่การบังคับคดีได้สิ้นสุดแล้ว โจทก์ชอบที่จะดำเนินการฟ้องร้องเป็นคดีใหม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษามานั้น ชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ

Share