คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8191/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในการซื้อขายที่โจทก์และจำเลยปฏิบัติต่อกันมา ส. พนักงานของจำเลยซึ่งได้รับอนุมัติจากจำเลยเป็นการภายในจะเป็นผู้ติดต่อสั่งซื้อกับโจทก์โดยต้องส่งสำเนาใบสั่งซื้อที่ได้รับอนุมัติจาก ศ. กรรมการบริษัทจำเลย ซึ่งลงลายมือชื่อผู้อนุมัติในใบสั่งซื้อไปให้โจทก์ทางโทรสาร และโจทก์จะต้องนำสำเนาใบสั่งซื้อดังกล่าวไปแสดงเพื่อขอรับต้นฉบับใบสั่งซื้อจาก ส. เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการเรียกเก็บเงินค่าสินค้าจากจำเลย เห็นได้ว่าจำเลยถือการส่งสำเนาใบสั่งซื้อทางโทรสารเป็นเงื่อนไขสำคัญในการสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ เพื่อป้องกันมิให้พนักงานของจำเลยซึ่งทำหน้าที่จัดซื้อกระทำการทุจริตแอบอ้างสั่งซื้อสินค้าโดยไม่ได้รับอนุมัติจากจำเลย การที่ ส. สั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ทางโทรศัพท์โดยไม่ได้ส่งสำเนาใบสั่งซื้อทางโทรสารไปยังโจทก์ซึ่งผิดเงื่อนไขทางปฏิบัติในการซื้อขายดังกล่าว จะถือว่าจำเลยเชิด ส. เป็นตัวแทนหรือยอมให้ ส. เชิดตนเองเป็นตัวแทนในการสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ด้วยวิธีการดังกล่าวหาได้ไม่ เมื่อโจทก์ส่งสินค้าให้แก่ ส. ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าการสั่งซื้อสินค้าของ ส. ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการสั่งสินค้าของโจทก์และ ส. นำสินค้าที่ได้รับไปเป็นประโยชน์ส่วนตน จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชำระค่าสินค้าแก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าสินค้าจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 31 มีนาคม 2549 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดชำระหนี้ถึงวันฟ้องรวมเป็นเงิน 87,453.92 บาท และดอกเบี้ยอัตราดังกล่าวของต้นเงิน 82,507.70 บาทนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 87,453.92 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 82,507.70 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 18 มกราคม 2550) จนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ฟังข้อเท็จจริงว่า สินค้าทั้งหมดที่โจทก์อ้างว่าส่งให้แก่จำเลยในเดือนมีนาคม 2549 จำเลยไม่ได้มอบหมายให้นางสุภาพรรณสั่งซื้อแต่นางสุภาพรรณทำการทุจริตสั่งซื้อไปเป็นประโยชน์ส่วนตน โดยการสั่งซื้อจากโจทก์ทางโทรศัพท์โดยไม่มีใบสั่งซื้อที่ได้รับอนุมัติจากนายศุภกิจ กรรมการผู้มีอำนาจของจำเลย และวินิจฉัยว่า กรณีดังกล่าวนางสุภาพรรณไม่ได้เป็นตัวแทนเชิดของจำเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชำระค่าสินค้าตามฟ้องแก่โจทก์ และพิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกาว่าการที่โจทก์จะมอบหมายหรือยินยอมให้นางสุภาพรรณสั่งซื้อสินค้าหรือไม่เป็นเรื่องภายในของจำเลยซึ่งโจทก์ไม่สามารถล่วงรู้ได้ นางสุภาพรรณเป็นพนักงานของจำเลยซึ่งมีหน้าที่จัดซื้อสินค้าและได้สั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ในนามจำเลยมาโดยตลอด ได้มีการสั่งซื้อทางโทรศัพท์โดยไม่มีใบสั่งซื้อหลายครั้ง แต่จำเลยก็ชำระค่าสินค้าให้แก่โจทก์มาทุกครั้ง พฤติการณ์ย่อมทำให้โจทก์เข้าใจโดยสุจริตว่านางสุภาพรรณได้รับมอบหมายจากจำเลยให้สั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ ถือได้ว่าจำเลยได้เชิดนางสุภาพรรณเป็นตัวแทนในการสั่งซื้อสินค้าตามฟ้องจากโจทก์ จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ โดยโจทก์มิได้ฎีกาโต้แย้งข้อที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ฟังว่า ในการสั่งซื้อสินค้าของนางสุภาพรรณตามฟ้องทั้งหมดจำเลยไม่ได้มอบหมายให้นางสุภาพรรณทำการแทนจำเลย แต่นางสุภาพรรณทำการทุจริตสั่งซื้อสินค้าไปเป็นประโยชน์ส่วนตน และเป็นการสั่งซื้อทางโทรศัพท์โดยไม่มีใบสั่งซื้อ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 รับฟังมาดังกล่าว เห็นว่า แม้ในการสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยจะมิได้เป็นผู้ทำคำสั่งซื้อกับโจทก์โดยตรงด้วยการลงลายมือชื่อพร้อมประทับตราสำคัญของจำเลยในใบสั่งซื้อสินค้าที่มีต่อโจทก์ โดยมอบให้นางสุภาพรรณพนักงานของจำเลยซึ่งได้รับอนุมัติจากจำเลยเป็นการภายในเป็นผู้ติดต่อสั่งซื้อกับโจทก์ รับสินค้าที่โจทก์นำมาส่งมอบ และจำเลยชำระค่าสินค้าที่นางสุภาพรรณสั่งซื้อให้แก่โจทก์ แต่ได้ความว่าในการซื้อขายที่โจทก์และจำเลยปฏิบัติต่อกันมา นางสุภาพรรณต้องส่งสำเนาใบสั่งซื้อที่ได้รับอนุมัติจากนายศุภกิจ กรรมการบริษัทจำเลย ซึ่งลงลายมือชื่อผู้อนุมัติในใบสั่งซื้อไปให้โจทก์ทางโทรสาร และโจทก์จะต้องนำสำเนาใบสั่งซื้อดังกล่าวไปแสดงเพื่อขอรับต้นฉบับใบสั่งซื้อจากนางสุภาพรรณเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการเรียกเก็บเงินค่าสินค้าจากจำเลย เห็นได้ว่า จำเลยถือการส่งสำเนาใบสั่งซื้อทางโทรสารเป็นเงื่อนไขสำคัญในการสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้พนักงานของจำเลยซึ่งทำหน้าที่จัดซื้อกระทำการทุจริตแอบอ้างสั่งซื้อสินค้าโดยไม่ได้รับอนุมัติจากจำเลย การที่นางสุภาพรรณสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ทางโทรศัพท์โดยไม่ได้ส่งสำเนาใบสั่งซื้อทางโทรสารไปยังโจทก์ซึ่งผิดเงื่อนไขทางปฏิบัติในการซื้อขายระหว่างโจทก์จำเลย จะถือว่าจำเลยเชิดนางสุภาพรรณเป็นตัวแทนหรือยอมให้นางสุภาพรรณเชิดตนเองเป็นตัวแทนในการสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ด้วยวิธีการดังกล่าวหาได้ไม่ เมื่อโจทก์ส่งสินค้าให้แก่นางสุภาพรรณทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าการสั่งซื้อสินค้าของนางสุภาพรรณไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการสั่งสินค้าของโจทก์และนางสุภาพรรณนำสินค้าที่ได้รับไปเป็นประโยชน์ส่วนตน จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชำระค่าสินค้าแก่โจทก์ ส่วนที่โจทก์นำสืบโดยมีนายพฤหัส พนักงานส่งสินค้าของโจทก์เบิกความว่า นางสุภาพรรณเคยสั่งซื้อสินค้าโดยไม่มีการส่งสำเนาใบสั่งซื้อสินค้าทางโทรสารประมาณ 3 ครั้ง และจำเลยชำระค่าสินค้าให้นั้น ก็ได้ความว่าจำเลยได้สั่งซื้อสินค้าครั้งก่อนนั้นจริงโดยนางสุภาพรรณมีต้นฉบับใบสั่งซื้อมอบให้โจทก์เป็นหลักฐานในการขอรับชำระค่าสินค้าจากจำเลย ดังนั้น จำเลยย่อมไม่อาจทราบว่านางสุภาพรรณสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์โดยไม่ได้ส่งสำเนาใบสั่งซื้อทางโทรสาร จึงไม่อาจอ้างว่าจำเลยรู้เห็นยินยอมให้นางสุภาพรรณและโจทก์ปฏิบัติผิดเงื่อนไขการสั่งซื้อสินค้าระหว่างโจทก์จำเลยเพื่อให้จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ โดยฟังว่าจำเลยเชิดให้นางสุภาพรรณเป็นตัวแทนของจำเลยในการสั่งซื้อสินค้าดังที่โจทก์ฎีกา ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share