คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2361/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้เช็คพิพาทจะเป็นเช็คผู้ถือและอยู่ในความครอบครองของโจทก์แต่ฐานะผู้ทรงโดยการถือเช็คผู้ถือจะต้องเป็นไปโดยชอบตามที่อ้างเมื่อโจทก์ฟ้องและนำสืบว่าจำเลยออกเช็คพิพาทให้โจทก์เพื่อชำระหนี้แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คให้บุคคลที่สามนิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์จำเลยจึงไม่มี โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบไม่มีสิทธิบังคับจำเลยให้รับผิดต่อโจทก์ตามฟ้อง การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์โดยฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์รับโอนเช็คพิพาทจากบุคคลที่สามที่จำเลยสั่งจ่ายชำระหนี้ให้นั้น เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกฟ้องนอกประเด็นพิพาทที่กำหนด ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 ปัญหาว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็นหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142(5)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คซึ่งจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายชำระหนี้ให้แก่โจทก์ โจทก์ได้นำไปเรียกเก็บเงินแต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์จำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน จำเลยไม่เคยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่โจทก์ โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาท พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 38,800 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 27ธันวาคม 2528 เป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบตามที่ฟ้องหรือไม่ โจทก์ฟ้องและนำสืบว่าจำเลยออกเช็คพิพาทให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าจ้างทำแม่พิมพ์แต่ฟังได้ว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่บุคคลที่สามเพื่อชำระหนี้ค่าจ้างทำแม่พิมพ์ที่บุคคลที่สามดังกล่าวเป็นผู้รับจ้างหาใช่โจทก์ไม่ นิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์จำเลยจึงไม่มี เช็คพิพาทแม้จะเป็นเช็คผู้ถือและอยู่ในความครอบครองของโจทก์ก็ตามแต่ฐานะผู้ทรงโดยการถือเช็คผู้ถือ ย่อมต้องเป็นการได้เช็คมาไว้ในความยึดถือที่เป็นไปโดยชอบตามที่อ้าง โจทก์จึงจะมีฐานะเป็นผู้ทรงที่มีสิทธิโดยชอบตามที่ฟ้อง และปัญหานี้จำเลยได้ให้การต่อสู้ไว้ชัดแจ้งซึ่งศาลชั้นต้นได้กำหนดเป็นประเด็นพิพาทไว้ตั้งแต่ชั้นชี้สองสถานโดยโจทก์มิได้โต้แย้งคัดค้าน เป็นการยอมรับประเด็นพิพาทที่ตั้งดังกล่าวแล้ว ดังนั้นเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏในการพิจารณาได้ความชัดว่า จำเลยมิได้สั่งจ่ายเช็คพิพาทชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตรงตามประเด็นพิพาทที่ตั้งดังกล่าว โจทก์ย่อมมิใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบตามที่อ้าง โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะบังคับให้จำเลยรับผิดตามเช็คต่อโจทก์ตามที่ฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ โดยฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทจากบุคคลที่สามที่จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทชำระหนี้ให้นั้น เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกฟ้อง นอกประเด็นพิพาทที่กำหนด ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 ซึ่งประเด็นนี้แม้จำเลยมิได้ฎีกาแต่เนื่องจากเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5)
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share