คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9083/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท กล่าวคือนอกจากจำเลยมีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตาม ป.อ. มาตรา 157 แล้ว ยังมีความผิดต่อ พ.ร.บ. การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. 2482 มาตรา 59 , 60 , 71 , 72 โดยเหตุที่การเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นมาตรการที่มุ่งจะจำกัดสิทธิของเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งซึ่งกระทำหน้าที่โดยทุจริต มิใช่โทษตามกฎหมาย เมื่อศาลลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 157 อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดแต่เพียงบทเดียวตาม ป.อ. มาตรา 90 แล้ว ศาลย่อมมีอำนาจสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยได้ มิฉะนั้นแล้วการบังคับใช้มาตรการดังกล่าวย่อมไร้ผลอันเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ , ๑๕๗ พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. ๒๔๘๒ มาตรา ๔ , ๒๙ , ๓๒ , ๓๓ , ๔๓ , ๔๕ , ๔๗ , ๕๙ , ๖๐ , ๗๑ , ๗๒ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยทั้งแปด
จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๘ ที่ปฏิเสธ เพื่อให้โจทก์ฟ้องเป็นคดีใหม่
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. ๒๔๘๒ มาตรา ๒๙ , ๕๙ , ๖๐ , ๗๑ , ๗๒ เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ จำคุก ๕ ปี จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ กึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๒ ปี ๖ เดือน คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ขอให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยที่ ๑
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยแล้ว มีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์เพียงข้อเดียวว่า ศาลต้องเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยที่ ๑ หรือไม่ เห็นว่า การกระทำของจำเลยที่ ๑ เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท กล่าวคือ นอกจากจำเลยที่ ๑ มีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ แล้ว ยังมีความผิดต่อพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. ๒๔๘๒ มาตรา ๕๙ , ๖๐ , ๗๑ , ๗๒ โดยเหตุที่การเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นมาตรการที่มุ่งจะจำกัดสิทธิของเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งซึ่งกระทำหน้าที่โดยทุจริต มิใช่โทษตามกฎหมาย เมื่อศาลลงโทษจำเลยที่ ๑ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดแต่เพียงบทเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ แล้ว ศาลย่อมมีอำนาจสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยที่ ๑ ได้ มิฉะนั้นแล้วการบังคับใช้มาตรการดังกล่าวย่อมไร้ผล อันเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมาย ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ยกคำขอของโจทก์ในส่วนนี้ ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๔ ปี ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๑.

Share