คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16350/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าแก่จำเลย แสดงเจตนาว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยเช่าต่อไป แต่เหตุที่โจทก์ยอมรับเงินค่าใช้ประโยชน์เป็นเพียงการยอมผ่อนผันให้แก่จำเลยและเป็นการบรรเทาความเสียหายของโจทก์ ไม่อาจถือได้ว่าเป็นเรื่องที่โจทก์ตกลงให้จำเลยเช่าต่อไปโดยไม่มีกำหนดระยะเวลา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารพร้อมทั้งขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดินโจทก์ และส่งมอบพื้นที่คืนแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย ให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน 262,441 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดินโจทก์และส่งมอบคืนแก่โจทก์ และค่าเสียหายรายเดือนอีกเดือนละ 21,866.67 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะออกไปจากที่ดินโจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินโจทก์และส่งมอบที่ดินคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อย ให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน 166,915.60 บาท และค่าเสียหายรายเดือนอีกเดือนละ 21,866.67 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 4 มิถุนายน 2547) เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะออกไปจากที่ดินโจทก์และส่งมอบคืนโจทก์ โดยให้นำเงินที่จำเลยวางประกันตามสัญญาจำนวน 262,441 บาท มาหักชำระค่าเสียหายดังกล่าวก่อน แล้วให้จำเลยชำระค่าเสียหายส่วนที่เหลือ กับให้จำเลยชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความในชั้นอุทธรณ์ 1,500 บาท แทนโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีตามที่จำเลยฎีกาเพียงประเด็นเดียวว่า จำเลยอยู่ในที่ดินโจทก์โดยอาศัยสิทธิตามสัญญาเช่าที่ไม่มีกำหนดระยะเวลาการเช่าหรือไม่ โจทก์นำสืบพยานโดยมีนายสมศักดิ์เบิกความว่า พยานเป็นพนักงานฝ่ายบริหารทรัพย์สินของโจทก์ มีหน้าที่ตรวจสอบให้ผู้เช่าทรัพย์สินของโจทก์ปฏิบัติตามสัญญาเช่า ซึ่งรวมถึงจำเลยในคดีนี้ด้วย โดยโจทก์มีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าแก่จำเลยแล้ว และต่อมาโจทก์ยังมีหนังสือถึงจำเลยให้ส่งมอบพื้นที่ที่เช่าคืนโจทก์ จำเลยได้รับหนังสือแล้วขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์ในที่ดินที่เช่าต่อโจทก์ จำเลยไม่ยอมออกจากที่ดินที่เช่า โจทก์จึงต้องฟ้องเป็นคดีนี้ จำเลยนำสืบโดยมีนายสมชายและนายนพดลมาเบิกความยืนยันข้อเท็จจริงเป็นทำนองเดียวกันว่า ถึงแม้โจทก์จะมีหนังสือบอกเลิกการเช่าแล้ว แต่จำเลยขอผ่อนผันขอใช้ประโยชน์ต่อและชำระเงินค่าใช้ประโยชน์ในที่ดินที่เช่าตลอดมา โดยโจทก์ไม่ได้คัดค้าน ดังนี้ เห็นว่า การที่โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าแก่จำเลยแสดงเจตนาว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยเช่าต่อไป แต่เหตุที่โจทก์ยอมรับเงินค่าใช้ประโยชน์ เป็นเพียงการยอมผ่อนผันให้แก่จำเลยและเป็นการบรรเทาความเสียหายของโจทก์ ไม่อาจถือได้ว่าเป็นเรื่องที่โจทก์ตกลงให้จำเลยเช่าต่อไปโดยไม่มีกำหนดระยะเวลา พยานหลักฐานฝ่ายโจทก์มีน้ำหนักรับฟังดีกว่าฝ่ายจำเลย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความในชั้นฎีกา 1,500 บาท แทนโจทก์

Share