คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11903/2554

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ยื่นคำร้องว่าเดิมโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีรวม 7 คน รับรองให้โจทก์ฎีกา แต่ผู้พิพากษา 2 คน ไม่รับรองให้ฎีกา จึงเหลือผู้พิพากษาอีก 5 คน ที่ยังไม่ได้พิจารณารับรอง การที่ศาลชั้นต้นรับฟังว่าผู้พิพากษาที่มีสิทธิรับรองฎีกาไม่อนุญาตให้ฎีกา และมีคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ จึงเป็นคำสั่งที่ผิดระเบียบตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว และมีคำสั่งให้ส่งคำร้องให้ผู้พิพากษาอีก 5 คน พิจารณารับรองแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบของโจทก์ โจทก์ต้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อศาลอุทธรณ์ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 193 วรรคหนึ่ง กรณีไม่ใช่เป็นการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่มีคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 224 วรรคหนึ่ง ที่ต้องส่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของโจทก์ไปยังศาลฎีกา การที่ศาลชั้นต้นส่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของโจทก์ไปยังศาลอุทธรณ์จึงชอบแล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งแปดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 84, 86, 150, 157 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 5, 6, 7, 11 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีโจทก์ไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกาพร้อมยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาในศาลชั้นต้นรับรองให้ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งคำร้องไปให้นางสาวสุพัตรา และนางสาวดาวน้อย ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาในศาลชั้นต้นรับรองให้ฎีกา ส่วนผู้พิพากษาอีก 5 คนนั้น ขณะพิจารณาคดีเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษาไม่มีอำนาจรับรองให้ฎีกาได้ ต่อมาผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาในศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้โจทก์ฎีกา และศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์
วันที่ 26 พฤษภาคม 2551 โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นส่งคำร้องขอให้รับรองฎีกาไปให้นายกิตติพงศ์ นายพิทักษ์ นางสาวปิยวรรณ นางสาวกองแก้วและนางปาริชาติ รับรองให้ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้พิพากษาที่โจทก์ขอให้ลงชื่อรับรองตามคำร้องนั้น ขณะลงชื่อเป็นเพียงผู้ช่วยผู้พิพากษาซึ่งยังไม่ได้รับการโปรดเกล้าให้เป็นผู้พิพากษา ไม่ได้เป็นองค์คณะ จึงยังไม่มีอำนาจลงชื่อรับรองให้ฎีกาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 กรณีจึงไม่มีเหตุให้ส่งไปให้ผู้พิพากษาทั้งห้ารับรอง ประกอบกับศาลยกคำร้องขอเพิกถอนคำสั่งศาลแล้ว อีกทั้งฎีกาของโจทก์เกินกำหนดแล้ว กรณีไม่มีเหตุให้ต้องรับรอง ยกคำร้อง และโจทก์ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นลงวันที่ 7 พฤษภาคม 2551 ที่ว่าผู้พิพากษาที่มีสิทธิรับรองให้ฎีกาไม่อนุญาตให้ฎีกาแล้วมีคำสั่งใหม่ให้ส่งไปให้ผู้พิพากษาทั้ง 5 คน พิจารณารับรอง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคดีนี้เฉพาะนางสาวสุพัตราและนางสาวดาวน้อย เท่านั้นที่เป็นผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดี ส่วนที่เหลือนั้นเป็นเพียงผู้ช่วยผู้พิพากษาไม่มีอำนาจลงชื่อรับรองฎีกาได้ ไม่มีเหตุเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นทั้งสองคำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืนทั้งสองคำสั่ง
โจทก์ฎีกาเฉพาะคำสั่งไม่เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นลงวันที่ 7 พฤษภาคม 2551
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์อุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกา การที่ศาลชั้นต้นส่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของโจทก์ไปยังศาลอุทธรณ์ เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 224 วรรคหนึ่ง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบ นั้น เห็นว่า โจทก์ยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2551 สรุปใจความได้ว่า ตามคำร้องของโจทก์ที่ให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณารับรองให้ฎีกา รวม 7 คน แต่นางสาวสุพัตราและนางสาวดาวน้อยไม่รับรองให้ฎีกา ยังอยู่อีก 5 คน ที่ยังไม่ได้พิจารณารับรอง ผู้พิพากษาดังกล่าวเป็นผู้พิจารณาคดีนี้ และกฎหมายไม่ได้บังคับว่าผู้พิพากษาคนใดมีสิทธิหรือไม่มีสิทธิ เมื่อเป็นผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาจึงมีสิทธิรับรองได้ อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 ประกอบมาตรา 15 และมาตรา 27 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งลงวันที่ 7 พฤษภาคม 2551 ที่รับฟังว่าผู้พิพากษาที่มีสิทธิรับรองฎีกาไม่อนุญาตให้ฎีกา แล้วมีคำสั่งใหม่ให้ส่งเรื่องให้ผู้พิพากษา 5 คนพิจารณารับรองและมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี คำร้องของโจทก์ดังกล่าวเป็นคำร้องที่ขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 โดยอ้างว่า การที่ศาลชั้นต้นไม่ส่งคำร้องขอให้รับรองฎีกาของโจทก์ไปให้ผู้พิพากษาอีก 5 คนพิจารณาเป็นการไม่ชอบซึ่งเป็นอำนาจของศาลชั้นต้นที่จะพิจารณาและมีคำสั่งตามบทบัญญัติดังกล่าว ดังนี้ เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของโจทก์และโจทก์อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว จึงมิใช่กรณีที่โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกาของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 224 วรรคหนึ่งโจทก์ต้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคหนึ่ง มิใช่อุทธรณ์ต่อศาลฎีกาตามบทบัญญัติดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นส่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของโจทก์ไปยังศาลอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอุทธรณ์โจทก์และมีคำพิพากษา จึงชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน

Share