แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
แม้จำเลยจะแจ้งข้อเท็จจริงว่าซื้อเมทแอมเฟตามีนมาจาก ต. ไม่ทราบนามสกุลซึ่งใช้รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อคาวาซากิ รุ่นซามิโก้ สีตองอ่อน แต่เมื่อตำรวจขอให้จำเลยพาไปหา ต. จำเลยกลับไม่ยินยอม เนื่องจากไม่ต้องการสร้างศัตรู ดังนี้ ข้อกล่าวอ้างของจำเลยดังกล่าวจึงเลื่อนลอย เพราะยังไม่สามารถพิสูจน์ความจริงได้ จึงไม่อาจถือได้ว่าเป็นการให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 91 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง และคืนธนบัตร 120 บาท แก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่ามีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อเสพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำคุก 5 ปี ฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 5 ปี รวมจำคุก 10 ปี คำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้หนึ่งในสี่ คงจำคุก 7 ปี 6 เดือน คืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่) ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 4 ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 4 ปี รวมจำคุก 8 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้หนึ่งในสี่คงจำคุก 6 ปี ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อที่จำเลยฎีกากล่าวอ้างว่าระหว่างถูกตำรวจชุดจับกุมควบคุมตัวอยู่นั้น จำเลยแจ้งข้อเท็จจริงว่าซื้อเมทแอมเฟตามีนมาจากนายเติ่งไม่ทราบนามสกุล ซึ่งใช้รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อคาวาซากิ รุ่นซามิโก้ สีตองอ่อน เป็นยานพาหนะ เป็นการให้ข้อมูลถึงแหล่งที่มาและบุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นประโยชน์แก่การปราบปรามยาเสพติดให้โทษต่อตำรวจแล้ว จึงสมควรได้รับการลงโทษสถานเบากว่าโทษที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 กำหนดนั้น เห็นว่า แม้จำเลยจะอ้างตนเองเบิกความเป็นพยานไว้เช่นนั้นแต่ก็ได้ความต่อไปว่า เมื่อตำรวจขอให้จำเลยพาไปหานายเติ่งจำเลยกลับไม่ยินยอม เนื่องจากไม่ต้องการสร้างศัตรู ดังนี้ ข้อกล่าวอ้างของจำเลยดังกล่าวจึงเลื่อนลอยเพราะยังไม่สามารถพิสูจน์ความจริงได้จึงไม่อาจถือได้ว่าเป็นการให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ โทษที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 กำหนดมานั้นจึงเหมาะสมแก่สภาพความผิดของจำเลยแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน