แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกอันมีค่าเช่าไม่เกินเดือนละสองพันบาท และเรียกค่าเสียหายในอนาคตอีกเดือนละสี่พันบาท (นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะออกไปจากตึก) เป็นคดีต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224
ย่อยาว
คดีสองสำนวนนี้รวมพิจารณาพิพากษาโดยโจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองเช่าตึกของโจทก์ ค่าเช่าเดือนละ 1,050 บาท โจทก์บอกเลิกการเช่าแล้ว ขอให้ขับไล่และให้จำเลยแต่ละสำนวนใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 4,000 บาท แต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะออกไปจากตึกพิพาท
จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์จำเลยตกลงเช่ากันใหม่มีกำหนด 3 ปีโดยจำเลยต้องออกเงินซ่อมแซมตึกพิพาทสิ้นเงินคนละ 3,000 บาท จำเลยได้รับความคุ้มครองจากพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าฯ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่นายฮวดเฮงจำเลยออกจากตึกพิพาท กับให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 1,050 บาท แต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไป ให้ยกฟ้องคดีที่นายฮ่งเชี้ยงเป็นจำเลย
จำเลยทั้งสองและโจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ขับไล่นายฮ่งเชี้ยงจำเลยเสียด้วย
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีสองสำนวนนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกพิพาทอันมีค่าเช่าไม่เกินเดือนละ 2,000 บาท กับเรียกค่าเสียหายในอนาคตอีกเดือนละ 4,000 บาท คดีจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ดังนี้ แม้ศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยในปัญหาเรื่องการบอกกล่าวเลิกการเช่าก็เป็นการวินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ จึงไม่ถือว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
ศาลฎีกาได้พิจารณาปัญหาอื่น ๆ แล้ว พิพากษายืน