แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
สัญญาเช่าซื้อจะครบกำหนดระยะเวลาเช่าซื้อในวันที่ 27 สิงหาคม 2543 แต่ปรากฎในใบคู่มือจดทะเบียนระบุว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์กระบะของกลางในวันที่ 7 มีนาคม 2545 จะต้องฟังว่า บริษัท ท. โอนรถยนต์กระบะของกลางให้แก่ผู้ร้องในวันดังกล่าว การที่ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาให้ริบรถยนต์กระบะของกลางเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2544 และไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ฎีกา คำพิพากษาดังกล่าวจึงเป็นอันถึงที่สุดกรรมสิทธิ์ในรถยนต์กระบะของกลางที่ศาลสั่งริบย่อมตกเป็นของแผ่นดิน ผู้ร้องรับโอนรถยนต์กระบะของกลางในวันที่ 7 มีนาคม 2545 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังวันที่กรรมสิทธิ์ในรถยนต์กระบะของกลางตกเป็นของแผ่นดิน ผู้ร้องจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์และไม่เป็นเจ้าของรถยนต์กระบะของกลาง ผู้ร้องจึงย่อมไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์กระบะของกลาง
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 64 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 และริบรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน 5 ท-1252 เชียงใหม่ ของกลาง จำเลยให้การรับสารภาพศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้อง โดยลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้วคงจำคุก 3 เดือน ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 และริบรถยนต์กระบะของกลาง
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้คืนรถยนต์กระบะของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์ยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทรธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2539 ผู้ร้องเช่าซื้อรถยนต์กระบะของกลางจากบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เกียรตินาคิน จำกัด ตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์เอกสารหมาย ร.1 ต่อมาวันที่ 4 กรกฎาคม 2544 จำเลยใช้รถยนต์กระบะของกลางเป็นยานพาหนะพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำเลยและริบรถยนต์กระบะของกลางเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2544 ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องมีว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของและมีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์กระบะของกลางหรือไม่ผู้ร้องมีนายอธิป หุ้นส่วนผู้จัดการผู้ร้องเป็นพยานเบิกความว่าผู้ร้องเช่าซื้อรถยนต์กระบะของกลางจากบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เกียรตินาคิน จำกัด ต่อมาผู้ร้องชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้ว บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เกียรตินาคิน จำกัด จึงโอนรถยนต์กระบะของกลางให้แก่ผู้ร้องตามใบคู่มือจดทะเบียนเอกสารหมาย ร.2 เห็นว่า แม้ตามสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย ร.1 จะครบกำหนดระยะเวลาเช่าซื้อในวันที่ 27 สิงหาคม 2543 แต่ผู้ร้องไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าผู้ร้องชำระค่าเช่าซื้องวดสุดท้ายจนครบถ้วนแล้วตั้งแต่เมื่อใด คงปรากฏในใบคู่มือจดทะเบียนเอกสารหมาย ร.2 แผ่นที่ 3 มีข้อความระบุว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์กระบะของกลางในวันที่ 7 มีนาคม 2545 จึงต้องฟังว่าบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เกียรตินาคิน จำกัด ได้โอนรถยนต์กระบะของกลางให้แก่ผู้ร้องในวันที่ 7 มีนาคม 2545 การที่ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาให้ริบรถยนต์กระบะของกลางเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2544 และไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ฎีกาคำพิพากษาดังกล่าวจึงเป็นอันถึงที่สุด กรรมสิทธิ์ในรถยนต์กระบะของกลางที่ศาลสั่งริบย่อมตกเป็นของแผ่นดิน ผู้ร้องรับโอนรถยนต์กระบะของกลางในวันที่ 7 มีนาคม 2545 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังที่กรรมสิทธิ์ในรถยนต์กระบะของกลางตกเป็นของแผ่นดินผู้ร้องจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์และไม่เป็นเจ้าของรถยนต์กระบะของกลาง ผู้ร้องย่อมไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์กระบะของกลาง ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องของผู้ร้องชอบแล้วฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน