คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1496/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การขนส่งทางทะเลซึ่งมีลักษณะการส่งของเป็นตู้คอนเทนเนอร์และภายในบรรจุสินค้าไว้และใบตราส่งระบุข้อความว่า ‘ผู้ส่งเป็นผู้บรรจุและนับ'(SHIPPER’SLOADANDCOUNT)นั้น หากว่าตู้คอนเทนเนอร์มาถึงจุดหมายปลายทางในสภาพเรียบร้อยโดยไม่ปรากฏว่ามีการเปิดในระหว่างทางมาก่อน แม้สินค้าจะขาดหายไปผู้ขนส่งก็ไม่ต้องรับผิดเนื่องจากสินค้ามิได้สูญหายไปในระหว่างการขนส่งของผู้ขนส่ง(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อเดือนเมษายน 2522 บริษัทอินเตอร์เนชั่นแนลเอ็นยิเนียริ่ง จำกัด ได้สั่งซื้ออะไหล่เครื่องยนต์จากบริษัทเอ็ก-สเป็ค จำกัด ซึ่งอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ประเภท เอฟ.โอ.บี.จำนวน 11 หีบห่อ รวมน้ำหนัก 7,979 ปอนด์ ผู้ขายได้จัดส่งสินค้าลงเรือของจำเลยทั้งสองเพื่อขนส่งสินค้ารายพิพาทจากประเทศสหรัฐอเมริกามายังประเทศไทยและผู้ซื้อได้เอาประกันภัยไว้กับโจทก์ เมื่อเรือมาถึงกรุงเทพปรากฏว่า สินค้าบางส่วนได้สูญหายไปก่อนหน้าที่ผู้ซื้อสินค้าจะมารับสินค้าคิดเป็นเงิน 6,697.71 เหรียญสหรัฐอเมริกาคิดเป็นเงินไทยเป็นเงิน 136,968.17 บาท โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยได้ชดใช้ค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวให้ผู้ซื้อไปแล้วจึงรับช่วงสิทธิมาเรียกร้องจากจำเลยทั้งสอง ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้หลายประการและว่า สินค้ารายพิพาทไม่ได้สูญหาย หากจะสูญหายก็ไม่ได้เกิดจากผู้รับขนส่งหรือเกิดระหว่างการขนส่งเพราะการขนส่งรายพิพาทเป็นการขนส่งระบบคอนเทนเนอร์ซึ่งผู้ส่งเป็นผู้นับบรรจุสินค้าลงในตู้เอง ผู้ขนส่งมีหน้าที่รับขนส่งตู้คอนเทนเนอร์มายังที่หมายปลายทางเท่านั้น ซึ่งขณะตู้คอนเทนเนอร์มาถึงท่าเรือกรุงเทพ ตู้คอนเทนเนอร์พร้อมด้วยดวงตราอยู่ในสภาพเรียบร้อยจึงไม่ต้องรับผิด ค่าเสียหายของโจทก์ไม่เกิน 5,000 บาทสัญญาขนส่งรายพิพาททำขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกาคู่สัญญาไม่มีสัญชาติไทยและมีสัญชาติต่างกันต้องใช้กฎหมายของประเทศอเมริกาบังคับ ซึ่งผู้ขนส่งต้องรับผิดไม่เกิน 500 เหรียญสหรัฐต่อ 1 หีบห่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ในปัญหาเรื่องสินค้ารายพิพาทสูญหายหรือไม่นั้น เกี่ยวกับสินค้ารายพิพาทปรากฏตามใบตราส่งเอกสารหมาย จ.8 หรือล.4 ซึ่งมีข้อความถูกต้องตรงกัน เชื่อได้ว่าเป็นเอกสารที่ถูกต้องซึ่งเจ้าหน้าที่ของจำเลยทั้งสองออกให้แก่ผู้ส่งสินค้า แม้จะมีลายมือเขียนอยู่หลายแห่งในเอกสารดังกล่าว ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นลายมือเขียนของคนเดียวกัน หาใช่เป็นการตกเติมขึ้นในภายหลังไม่ เพราะมีปรากฏอยู่ทั้งในเอกสารหมาย จ.8 และ ล.4 เหมือนกัน ที่โจทก์อ้างทำนองว่าคำว่า “SHIPPER’ S LOAD AND COUNT” ซึ่งแปลว่าผู้ส่งเป็นผู้บรรจุและนับ มีการเขียนเติมขึ้นภายหลังนั้น จึงฟังไม่ได้ตามเอกสารนี้จำเลยนำสืบให้เห็นว่าเป็นลักษณะการส่งของเป็นตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งภายในบรรจุสินค้าไว้ดังที่ปรากฏในเอกสารหมาย ล.3 จะเห็นได้ชัดว่านอกจากจะมีสินค้าของบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนลเอ็นยิเนียริ่ง จำกัด11 หีบห่อแล้ว ในตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวยังมีสินค้ารายการอื่นอยู่อีก เลขหมายตู้ 2023044 และตราประทับหมายเลข 69775 แสดงว่า การส่งสินค้ารายพิพาทเป็นการส่งในลักษณะส่งทั้งตู้คอนเทนเนอร์ ส่วนที่ในตู้มีสินค้าอย่างอื่นรวมอยู่ด้วยนั้น ก็เป็นเรื่องของผู้ส่งสินค้าซึ่งคงมิได้ส่งสินค้าให้แก่บริษัทอินเตอร์เนชั่นแนลเอ็นยิเนียริ่งจำกัด แต่บริษัทเดียวเป็นแน่ ข้อที่โจทก์อ้าง การรับส่งสินค้ารายพิพาทเป็นการรับขนแบบธรรมดาซึ่งจำเลยเป็นผู้บรรจุหีบห่อนั้นจึงไม่มีน้ำหนักรับฟัง ดังนั้นเมื่อปรากฏหลักฐานตามเอกสารหมาย ล.5ว่า สินค้ารายพิพาทในตู้คอนเทนเนอร์หมายเลข 2023044 ตราประทับหมายเลข 69775 ได้มาถึงท่าเรือกรุงเทพ และได้มีการเปิดตู้ตรวจนับสินค้าแล้ว มีบันทึกไว้ในเอกสารหมาย ล.5 ปรากฏหมายเลขตู้และหมายเลขตราประทับถูกต้องตรงกัน ไม่ปรากฏว่ามีการเปิดในระหว่างทางมาก่อนจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในสินค้ารายพิพาทซึ่งสูญหายไป และโจทก์เองในชั้นแรกก็คงเข้าใจเช่นนั้น จึงได้มีการว่าจ้างให้บริษัทยูไนเต็ดเซอเวย์เยอร์สแอนด์แอดจัสเตอร์ส จำกัด ทำการสำรวจออกความเห็นและบริษัทนั้นก็ได้ทำรายงานการสำรวจไว้ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.9 ซึ่งมีความเห็นว่า การสูญหายของสินค้ารายพิพาทเกิดขึ้นเพราะบรรจุหีบห่อไม่ครบ เช่นนี้จำเลยจึงหาต้องรับผิดต่อโจทก์ไม่ คดีไม่จำต้องวินิจฉัยในปัญหาข้ออื่นต่อไปอีกแต่อย่างใด ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันมานั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 1,000 บาท แก่จำเลยทั้งสอง”

Share