คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7993/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

บ้านของจำเลยไม่ได้มีสภาพเป็นอู่ซ่อมรถจักรยานยนต์แต่ขณะที่เจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นบ้านจำเลยกลับพบรถจักรยานยนต์ถึง 3 คัน แต่ละคันมีลักษณะถูกถอดชิ้นส่วนออกจนไม่สามารถขับได้ ทำให้เห็นได้ว่ากรณีไม่น่าจะเป็นเพียงจำเลยซ่อมรถจักรยานยนต์ให้เพื่อนตามที่จำเลยกล่าวอ้าง การที่จำเลยรับรถจักรยานยนต์ของกลางไว้แล้วถอดรื้อชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์ของกลางออกจนรถไม่สามารถใช้ขับขี่ได้พฤติการณ์น่าเชื่อว่าจำเลยกระทำการดังกล่าวโดยรู้ว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นทรัพย์ที่ถูกลักมา การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานรับของโจร

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 67, 102 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91, 334, 335, 357 ริบยาเสพติดให้โทษและอาวุธปืนของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพฐานมีแมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและฐานมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 67 (เดิม) พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคแรก เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปี ฐานมีอาวุธปืนไม่มีหมายเลขทะเบียนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 2 ปี ฐานรับของโจร จำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและฐานมีอาวุธปืนไม่มีหมายเลขทะเบียนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงลงโทษฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน ฐานมีอาวุธปืนไม่มีหมายเลขทะเบียนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 1 ปี รวมจำคุก 4 ปี 6 เดือน ริมเมทแอมเฟตามีนและอาวุธปืนของกลาง ยกฟ้องข้อหาลักทรัพย์
จำเลยอุทรธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องในความผิดข้อหารับของโจรรวมลงโทษจำคุกมีกำหนด 1 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัย “…พิเคราะห์แล้วปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า จำเลยกระทำความผิดฐานรับของโจรหรือไม่ เห็นว่า บ้านของจำเลยไม่ได้มีสภาพเป็นอู่ซ่อมรถจักรยานยนต์ แต่ขณะที่เจ้าพนักงานตำรวจค้นบ้านจำเลยนั้นกลับพบรถจักรยานยนต์ถึง 3 คัน แต่ละคันมีลักษณะถูกถอดชิ้นส่วนออกจนไม่สามารถขับได้นั้นทำให้เห็นได้ว่ากรณีไม่น่าจะเป็นเพียงจำเลยซ่อมรถจักรยานยนต์ให้เพื่อนตามที่จำเลยกล่าวอ้างเท่านั้น อีกประการหนึ่ง ที่จำเลยเบิกความว่าก่อนเกิดเหตุประมาณ 3 วัน นายมัดน้องชายเพื่อนของจำเลยได้ขับรถจักรยานยนต์ของกลางมาที่บ้านจำเลยเพื่อให้จำเลยซ่อมและขายรถจักรยานยนต์ให้ แต่ยังไม่มีการตกลงซื้อเนื่องจากรถดังกล่าวไม่มีทะเบียน ต่อมามีเพื่อนมารับนายมัดไป นายมัดบอกจำเลยว่าจะนำคู่มือจดทะเบียนมาให้โดยไม่ได้นำรถจักรยานยนต์ของกลางไปด้วยนั้น เห็นว่าขณะที่นายมัดมาหาจำเลยได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ของกลางมาแสดงว่ารถจักรยานยนต์ของกลางยังอยู่ในสภาพปกติสามารถแล่นได้ แต่ตอนที่เจ้าพนักงานตำรวจพบรถจักรยานยนต์ของกลางที่บ้านจำเลยนั้น ปรากฏว่ารถจักรยานยนต์ของกลางอยู่ในสภาพถูกถอดชิ้นส่วนต่าง ๆ ออกจนไม่สามารถใช้ขับได้ทั้งที่จำเลยน่าจะรอให้นายมัดนำคู่มือจดทะเบียนมาแสดงก่อน ดังนั้น การที่จำเลยรับรถจักรยานยนต์ของกลางไว้แล้วถอดรื้อชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์ของกลางออกจนรถไม่สามารถใช้ขับขี่ได้ เช่นนี้ พฤติการณ์น่าเชื่อว่าจำเลยกระทำการดังกล่าว โดยรู้อยู่ว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นทรัพย์ที่ถูกลักมา การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานรับของโจร ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ในความผิดฐานรับของโจรนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share