คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7903/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

การที่ ธ.ลงลายมือชื่อในช่องผู้อุทธรณ์ในฐานะทนายจำเลยโดยไม่ปรากฏว่ามีใบแต่งทนายความในสำนวน คำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (7) ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยส่งขึ้นไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 4 ต้องถือว่าศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจสั่งให้แก้ไขให้ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 208 (2) ประกอบมาตรา 225 แต่เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้แต่งตั้ง ธ. เป็นทนายจำเลยให้มีอำนาจอุทธรณ์และฎีกาแทนจำเลยก่อนยื่นฎีกาฉบับนี้ศาลฎีกาจึงไม่จำต้องสั่งแก้ไขและถือว่าจำเลยยื่นคำฟ้องอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยชอบแล้ว และเห็นสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทรธรณ์ภาค 4 พิจารณาพิพากษาใหม่เพื่อให้เป็นไปตามลำดับชั้นศาล

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 ลงโทษจำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณานับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่า มีเหตุอันสมควรให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิจารณาพิพากษาคดีนี้ใหม่หรือไม่ ได้ความว่า หลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว จำเลยยื่นอุทธรณ์โดยมีนายธเนศ ทนายความลงลายมือชื่อในช่องผู้อุทธรณ์ในฐานะทนายจำเลย แต่ไม่ปรากฎในสำนวนว่าจำเลยแต่งตั้งนายธเนศเป็นทนายจำเลย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 เห็นว่า คำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยเป็นคำฟ้องอุทธรณ์ที่ไม่ชอบ จึงพิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย ศาลฎีกาเห็นว่า นายธเนศยื่นคำร้องขอคัดถ่ายคำพิพากษาศาลชั้นต้นเพื่อประกอบการเขียนอุทธรณ์ ถือได้ว่าเคยทำหน้าที่ทนายจำเลยมาก่อนทั้งเมื่อจำเลยยื่นคำฟ้องอุทธรณ์ เป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นต้องตรวจคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยว่า ควรจะรับส่งขึ้นไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 4 หรือไม่ ถ้าเห็นว่าไม่สมควรรับต้องจดเหตุผลไว้ในคำสั่งศาลนั้นโดยชัดเจน ทั้งนี้ ตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 วรรคสอง เมื่อปรากฏว่าคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยในคดีนี้ นายธเนศลงลายมือชื่อในช่องผู้อุทธรณ์ในฐานะทนายจำเลย โดยไม่ปรากฏว่ามีใบแต่งทนายความในสำนวนคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลย จึงเป็นคำฟ้องอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธิพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (7) การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยส่งขึ้นไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 4 ต้องถือว่าศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจสั่งให้แก้ไขให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208 (2) ประกอบมาตรา 225 อย่างไรก็ตามบัดนี้ปรากฏว่าจำเลยได้แต่งตั้งนายธเนศเป็นทนายจำเลยให้มีอำนาจอุทธรณ์และฎีกาแทนจำเลยก่อนยื่นฎีกาฉบับนี้ ศาลฎีกาจึงไม่จำต้องสั่งแก้ไขและถือว่าจำเลยยื่นคำฟ้องอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยชอบแล้ว และเห็นสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิจารณาพิพากษาใหม่เพื่อให้เป็นไปตามลำดับชั้นศาล ฎีกาจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share