คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7894/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นเพียงผู้เดินโพยสลากกินรวบส่งให้แก่เจ้ามือ มิได้เป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ ซึ่งในชั้นอุทธรณ์จำเลยได้ยกข้อเท็จจริงดังกล่าวขึ้นอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 มิได้หยิบยกขึ้นวินิจฉับ จำเลยก็ไม่ได้ฎีกาโต้แย้งว่าการที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ไม่ได้วินิจฉัยนั้นไม่ชอบแต่อย่างไร การที่จำเลยยกข้อเท็จจริงดังกล่าวขึ้นฎีกาซ้ำอีก ถือได้ว่าเป็นข้อเท็จจริงที่เพิ่งยกขึ้นในชั้นฎีกาและไม่ได้เป็นการคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 216 ทั้งมิได้เป็นข้อความที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ได้ตัดสินไว้ จึงไม่อาจใช้ดุลพินิจอนุญาตให้ฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 221 ได้ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่หลบหนีได้ร่วมกันเล่นการพนันสลากกินรวบ อันเป็นการพนันตามบัญชี ข. หมายเลข 16 ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจำเลยเป็นผู้จัดให้มีการเล่น ชักชวนให้ผู้อื่นเข้าเล่น และรับกินรับใช้ ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, 15 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 33 ริบของกลางและจ่ายสินบนนำจับกึ่งหนึ่งของค่าปรับ
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, (ที่ถูก 12 (1)) จำคุก 3 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน 15 วัน ริบของกลาง คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า”…ในชั้นอุทธรณ์จำเลยได้ยกข้อเท็จจริงดังกล่าวขึ้นอุทธรณ์แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 มิได้หยิบยกขึ้นวินิจฉัย จำเลยก็ไม่ได้ฎีกาโต้แย้งว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ไม่ได้วินิจฉัยนั้นไม่ชอบแต่อย่างไร แต่จำเลยกลับยกข้อเท็จจริงทำนองเดียวกับที่เคยยกขึ้นกล่าวในศาลอุทธรณ์ภาค 8 ขึ้นฎีกาซ้ำอีก ถือได้ว่าข้อเท็จจริงที่จำเลยยกขึ้นฎีกาดังกล่าวข้างต้น เป็นข้อเท็จจริงที่เพิ่งยกขึ้นในชั้นฎีกาและถือไม่ได้ว่าฎีกาดังกล่าวเป็นการคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 ทั้งมิได้เป็นข้อความที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ได้ตัดสินไว้ จึงไม่อาจใช้ดุลพินิจอนุญาตให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 ได้ ที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาดังกล่าวมาเป็นการไม่ชอบศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาข้อนี้ของจำเลยส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษจำคุกนั้น เห็นว่า เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมด้วยเงินสดจำนวนมากถึง 17,540 บาท กับสมุดทะเบียน 1 เล่ม และโพยจดรายการซื้อขายสลากกินรวบ 14 ฉบับ โดยในสมุดและกระดาษโพยดังกล่าวได้จัดทำเป็นแบบพิมพ์เพื่อใช้รับแทงพนันสลากกินรวบโดยเฉพาะและมีจำนวนตัวเลขและจำนวนเงินที่รับแทงพนันรวมกันเป็นยอดเงินที่สูง ตามพฤติการณ์แสดงว่าจำเลยเป็นเจ้ามือการพนันสลากกินรวบรายใหญ่ ไม่ได้คำนึงว่าการกระทำของตนก่อผลโดยตรงให้ประชาชนลุ่มหลงมัวเมาในอบายมุขอย่างกว้างขวาง กระทบต่อเศรษกิจ สังคมและความสงบสุขของครอบครัว ทั้งยังเป็นบ่อเกิดอาชญากรรมร้ายแรงอื่นตามมาอีกมากมายพฤติการณ์แห่งคดีนับว่าร้ายแรง การที่จะรอการลงโทษจำคุกจำเลยและกำหนดมาตรการในการคุมประพฤติแก่จำเลย จึงไม่เหมาะสมกับสภาพความผิดและคงไม่เพียงพอที่จะทำให้จำเลยเกรงกลัวหรือหลาบจำ ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share