แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ ส. มารดาของผู้ตาย และเป็นยายของเด็กชาย ก. ผู้ตาย เข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการเฉพาะความผิดตาม ป.อ. มาตรา 291 โจทก์ร่วมจึงไม่มีอำนาจอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยสถานหนักและไม่รอการลงโทษในความผิดฐานหลบหนีไม่แจ้งเหตุตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78 การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โทษของจำเลยในความผิดฐานหลบหนีไม่แจ้งเหตุตามที่โจทก์ร่วมอุทธรณ์ จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้องโดยถือว่าโทษของจำเลยในความผิดฐานหลบหนีไม่แจ้งเหตุเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๓ , ๗๘ , ๑๕๗ , ๑๖๐ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ , ๒๙๑
จำเลยให้การรับสารภาพ
ระหว่างพิจารณา นาง ส. มารดาของนาง พ. ผู้ตาย และเป็นยายของเด็กชาย ถ. ผู้ตาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาตเฉพาะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย ๒ ปี ๒ เดือน ปรับ ๑๖,๐๐๐ บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๑ ปี ๑ เดือน ปรับ ๘,๐๐๐ บาท โทษจำคุกรอการลงโทษไว้มีกำหนด ๓ ปี คุมความประพฤติไว้ ๒ ปี โดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ ๔ เดือน ต่อครั้ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙ , ๓๐
โจทก์ร่วมอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานหนักและไม่รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ลงโทษปรับ ไม่รอการลงโทษ ไม่คุมความประพฤติ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้นาง ส. มารดาของนาง พ. ผู้ตาย และเป็นยายของเด็กชาย ถ. ผู้ตาย เข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการเฉพาะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑ เท่านั้น โจทก์ร่วมจึงไม่มีอำนาจอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยสถานหนักและไม่รอการลงโทษในความผิดฐานหลบหนีไม่แจ้งเหตุตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๗๘ ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษาแก้โทษของจำเลยในความผิดฐานหลบหนีไม่แจ้งเหตุเป็นไม่ลงโทษปรับ ไม่รอการลงโทษและไม่คุมความประพฤติตามที่โจทก์ร่วมอุทธรณ์ จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้องโดยถือว่าโทษของจำเลยในความผิดฐานหลบหนีไม่แจ้งเหตุเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีคงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเพียงประการเดียวว่า สมควรรอการลงโทษจำคุกจำเลยในความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายหรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยขับรถกระบะด้วยความเร็วและแซงรถคันที่แล่นอยู่ข้างหน้าทันทีล้ำเข้าไปในทางเดินรถสวน เป็นเหตุให้รถที่จำเลยขับเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ที่นาง พ. ขับสวนทางมาในทางเดินรถของรถจักรยานยนต์ นาง พ. และเด็กชาย ถ. คนซ้อนท้ายถึงแก่ความตาย ถือว่า จำเลยขับรถด้วยความประมาทเป็นอย่างมาก ก่อให้เกิดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น หลังเกิดเหตุจำเลยหลบหนีไป แสดงถึงการขาดความรับผิดชอบและไร้มนุษยธรรมตามพฤติการณ์เป็นเรื่องร้ายแรง แม้ได้ความว่าจำเลยทำบันทึกข้อตกลงยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ร่วมเมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ เป็นเงิน ๓๒๐,๐๐๐ บาท แต่ปรากฏว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเสียหายให้โจทก์ร่วมตามสัญญาโดยจำเลยนำเงินมาวางศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๔๓ เพื่อให้โจทก์ร่วมรับไปเป็นเงินจำนวน ๘๐,๐๐๐ บาท จากนั้นก็ไม่ชำระอีก แสดงถึงการขาดความรับผิดชอบและไม่ขวนขวายที่จะชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ร่วม จึงไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษจำคุกให้จำเลย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ ไม่รอการลงโทษจำคุกและไม่ลงโทษปรับจำเลยในความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายนั้น เหมาะสมแก่รูปคดีแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า โทษในความผิดฐานหลบหนีไม่แจ้งเหตุให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๒.