คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2897/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าพนักงานตำรวจได้เข้าจับกุมจำเลยที่ 1 หลังจากที่ให้สายลับล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1 เม็ด จากจำเลยที่ 1 เมื่อเข้าตรวจค้นบ้านจำเลยที่ 1 พบจำเลยที่ 2 และที่ 3 กับพวกนั่งตัดหลอดพลาสติกอยู่ในห้อง และค้นพบเมทแอมเฟตามีนจำนวน 780 เม็ด อยู่ในถุงพลาสติกแขวนอยู่ที่ข้างฝา กับมีหลอดกาแฟตัดสั้น เทียนไข ไฟแช็ก และมีดคัทเตอร์ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่มีไว้เพื่อบรรจุเมทแอมเฟตามีน โดยของกลางที่สายลับได้มาจากการล่อซื้อเป็นเมทแอมเฟตามีน 1 เม็ด บรรจุอยู่ในหลอดพลาสติกปิดหัวท้าย พฤติการณ์เห็นได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 3 กับพวกบรรจุเมทแอมเฟตามีนและขายเมทแอมเฟตามีน โดยจำเลยที่ 2 เป็นฝ่ายตระเตรียมอุปกรณ์ในการบรรจุเมทแอมเฟตามีนลงในหลอดพลาสติกและจำเลยที่ 1 เป็นผู้ขายอันเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำและร่วมกระทำผิดด้วยกัน จำเลยที่ 2 จึงเป็นตัวการในการกระทำผิดฐานขายเมทแอมเฟตามีนด้วย
จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 กับพวกมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในความครอบครองเพื่อขายและขาย จำเลยทั้งสามมิได้กระทำผิดโดยลำพัง จำเลยทั้งสามจึงมีความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง , 89 พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง , 67 ประกอบด้วย ป.อ. มาตรา 83 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไม่ระบุมาตรา 83 แห่ง ป.อ. ไว้ยังไม่ถูกต้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4 , 5 , 6 , 11 , 13 ทวิ , 62 , 89 , 106 ทวิ , 116 ป.อ. มาตรา 83 , 32 , 33 ริบเมทแอมเฟตามีนที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์จำนวน 64 กรัม ให้แก่กระทรวงสาธารณสุข ริบหลอดกาแฟ เทียนไข ไฟแช็ก มีดคัทเตอร์ ของกลาง และคืนธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อแก่เจ้าของ
จำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้การรับสารภาพ
จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตาม พ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง , 62 วรรคหนึ่ง , 89 , 106 ทวิ เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทตาม ป.อ. มาตรา 90 แต่ทั้งสองฐานความผิดมีโทษเท่ากันจึงลงโทษจำเลยทั้งสามฐานขาย ให้จำคุกคนละ 18 ปี จำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 3 คนละ 9 ปี คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสามตาม ป.อ. มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 12 ปี ริบเมทแอมเฟตามีนที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์จำนวน 64 กรัม ให้แก่กระทรวงสาธารณสุข ริบหลอดกาแฟ เทียนไข ไฟแช็ก มีดคัทเตอร์ของกลาง และคืนธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อจำนวน 200 บาท แก่เจ้าของ
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้โดยพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 1 และที่ 3 ที่มิได้อุทธรณ์เป็นว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตาม พ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง , 89 พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 67 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม พ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง , 89 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 สำหรับจำเลยที่ 2 ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่ง ตาม ป.อ. มาตรา 76 จำคุก 9 ปี และลดโทษให้อีกหนึ่งในสามตาม ป.อ. มาตรา 78 คงจำคุก 6 ปี ส่วนจำเลยที่ 3 ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 76 จำคุก 9 ปี และลดโทษให้อีกกึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 78 คงจำคุก 4 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่าได้กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า เจ้าพนักงานตำรวจได้เข้าจับกุมจำเลยที่ 1 หลังจากที่ให้สายลับล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1 เม็ด จากจำเลยที่ 1 โดยค้นพบธนบัตรฉบับละ 100 บาท จำนวน 2 ฉบับ อยู่ในกระเป๋ากางเกงของจำเลยที่ 1 จากการตรวจค้นบ้านของจำเลยที่ 1 พบจำเลยที่ 2 และที่ 3 กับพวกนั่งตัดหลอดพลาสติกอยู่ในห้องและค้นพบเมทแอมเฟตามีนจำนวน 780 เม็ด อยู่ในถุงพลาสติกแขวนอยู่ที่ข้างฝา จำเลยที่ 2 ถูกจับกุมในห้องนั้นเอง พร้อมอุปกรณ์มีหลอดกาแฟตัดสั้น เทียนไข ไฟแช็ก และมีดคัทเตอร์ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวมีไว้เพื่อบรรจุเมทแอมเฟตามีนโดยของกลางที่สายลับได้มาจากการล่อซื้อเป็นเมทแอมเฟตามีน 1 เม็ด บรรจุอยู่ในหลอดพลาสติกปิดหัวท้าย ดังนั้น การที่จำเลยที่ 2 ถูกจับขณะตัดหลอดพลาสติกกับมีอุปกรณ์ในการบรรจุเมทแอมเฟตามีนครบครันและมีเมทแอมเฟตามีนอีกจำนวน 780 เม็ด อยู่ในถุงพลาสติกแขวนอยู่ในห้องดังกล่าว ซึ่งเตรียมพร้อมที่จะบรรจุเมทแอมเฟตามีนในหลอดกาแฟโดยมีเทียนไขและไฟแช็ก เพื่อใช้ในการลนหลอดพลาสติกปิดหัวท้ายในการบรรจุเมทแอมเฟตามีน พฤติการณ์เห็นได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 3 กับพวกบรรจุเมทแอมเฟตามีนและขายเมทแอมเฟตามีนโดยจำเลยที่ 2 เป็นฝ่ายตระเตรียมอุปกรณ์ในการบรรจุเมทแอมเฟตามีนลงในหลอดพลาสติก และจำเลยที่ 1 เป็นผู้ขายอันเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำและร่วมกระทำผิดด้วยกัน จำเลยที่ 2 จึงเป็นตัวการในการกระทำผิดฐานขายเมทแอมเฟตามีนด้วย ที่จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้ในชั้นพิจารณาว่าจำเลยที่ 2 ไปช่วยติดตั้งเครื่องไฟขยายเสียง ขณะถูกจับจำเลยที่ 2 นอนหลับอยู่มิได้รู้เห็นในการขายเมทแอมเฟตามีนของจำเลยที่ 1 แต่อย่างใด แต่ในชั้นฎีกาจำเลยที่ 2 กลับฎีกาว่าจำเลยที่ 2 รับจ้างตัดหลอดพลาสติกโดยได้รับค่าจ้าง ดังนั้น ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 2 จึงไม่อยู่กับร่องกับรอยไม่มีน้ำหนักรับฟังหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่โจทก์นำสืบ ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกับพวกมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในความครอบครองเพื่อขายและขายกับลงโทษตาม พ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง , 89 นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย แต่ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไม่ระบุมาตรา 83 แห่ง ป.อ. ไว้ยังไม่ถูกต้องเพราะจำเลยทั้งสามมิได้กระทำผิดโดยลำพัง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตาม พ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง , 89 พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง , 67 ประกอบด้วยมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2.

Share