คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 815/2470

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ต้องมีเจตนาทุจริต กะทงใดที่ศาลล่างทั้ง 2 ยกฟ้องแล้วจะร้องขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยในข้อเท็จจริงไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตาม ม. ๒๒๒ – ๒๒๕ – ๒๒๗ – ๑๕๗ ฯลฯ
ศาลเดิมลงโทษตามมาตรา ๒๒๒ – ๒๒๕ ส่วนคำขอของโจทก์นอกจากนี้ให้ยกเสีย
ศาลอุทธรณ์ตัดสินยกฟ้องโจทก์ทั้งหมด
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยเฉภาะข้อหาฐานปลอมหนังสือเท่านั้น เพราะข้อหาอื่นศาลล่างทั้ง ๒ ตัดสินยกฟ้องโดยอาสรัยข้อเท็จจริง โจทก์ฎีกาไม่ได้ ทางพิจารณาได้ความว่า ก. ไปกู้เงินจำเลย ๒๖๐๐ บาท บ. แล จ. เปนผู้ค้ำประกันต่อมาจำเลยฟ้องเรียกเงินจาก ก.บ. แล จ.บ. จึงไปบอกจำเลยขอใช้เงิน ๗๐๐ บาทแทน ก. แลให้จำเลยขีดฆ่าชื่อ บ. ออกจากนายประกันถ้าไม่ทำเช่นนั้น บ. จะไม่ใช้เงิน ๗๐๐ บาทให้ จำเลยตกลงได้ฆ่าชื่อ บ. ออกจำเลยก็ถอน บ. ออกจากเปนจำเลยแลยื่นคำร้องต่อนายอำเภอให้ฆ่าชื่อ บ. ออกจากต้นขั้ว นอกจากนี้จำเลยยังแถลงต่อศาลว่าขอให้ศาลบังคับให้ จ. นายประกันอีกคนหนึ่งใช้เงินอีก ๗๐๐ บาทเท่าที่ บ. ได้ออกใช้ให้ ได้ความดังนี้ ฎีกาตัดสินว่า จำเลยทำไปโดยซื่อแลสุจริต การที่ บ.ให้จำเลยขีดชื่อออกก็เกรงว่าจำเลยจะบิดพลิ้วเมื่อรับเงินจาก บ.ไปแล้ว ฝ่าย จำเลยก็พะวงอยู่แต่ว่าขอให้ได้เงิน ๗๐๐ บาทเท่านั้น ถ้าไม่ทำเช่นนั้นก็ไม่ได้เงิน จำเลยยังไม่มีผิด ให้ยกฟ้อง โจทก์

Share