คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2151/2529

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

จำเลยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำวิทยุของกลางซึ่งจำเลยใช้สำหรับติดต่อกับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องกลับบ้านโดยไม่ส่งมอบให้แก่ผู้ที่เข้ารับเวรต่อจากจำเลยไม่ทำให้จำเลยได้รับประโยชน์จากการใช้วิทยุของกลางดังกล่าวเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยแต่อย่างใดต่อมาจำเลยได้นำวิทยุของกลางไปส่งมอบให้แก่ผู้บังคับบัญชาเพื่อคืนแก่ทางราชการแสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่มีเจตนาทุจริตถึงแม้ทางราชการจะได้รับความเสียหายอันเกิดจากการไม่ได้ใช้วิทยุของกลางติดต่อราชการก็ตามแต่ก็ไม่ได้ทำให้การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยเจตนาทุจริตขึ้นมาได้.

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย ลัก เอา วิทยุ สื่อสาร แบบ มือถือ จำนวน 1เครื่อง ของ กรมตำรวจ ไป ขอ ให้ ลงโทษ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา335 (1)
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย มี ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา335 (1) ให้ จำคุก 3 ปี
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษา กลับ ให้ ยกฟ้อง
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า วิทยุ ของกลาง เป็น วิทยุ ที่ ใช้ สำหรับ ติดต่อกับ หน่วยราชการ ที่ เกี่ยวข้อง เท่านั้น การ ที่ จำเลย เอา วิทยุของกลาง ติดตัว กลับ ไป บ้าน โดย ไม่ ส่งมอบ ให้ แก่ ผู้ ที่ เข้า รับเวร ต่อ จาก จำเลย จึง ไม่ ได้ ทำ ให้ จำเลย ได้ รับ ประโยชน์ จาก การใช้ วิทยุ ของกลาง เพื่อ ประโยชน์ ส่วนตัว ของ จำเลย แต่ อย่างใด ต่อมาจำเลย ได้ นำ วิทยุ ของกลาง ไป ส่งมอบ ให้ แก่ ร้อยตำรวจตรี ประสงค์เจริญสุข เพื่อ คืน ให้ แก่ ทางราชการ จึง แสดง ให้ เห็น ได้ ว่า การที่ จำเลย เอา วิทยุ ของกลาง ไป นั้น ไม่ ได้ เอา ไป โดย เจตนา ทุจริตถึงแม้ ทางราชการ จะ ได้ รับ ความเสียหาย อัน เกิดจาก การ ไม่ ได้ ใช้วิทยุ ของกลาง ติดต่อ ราชการ ก็ ตาม แต่ ก็ ไม่ ได้ ทำ ให้ การ กระทำของ จำเลย เป็น การ กระทำ โดย เจตนา ทุจริต ขึ้น มา ได้ ที่ ศาลอุทธรณ์พิพากษา ยกฟ้อง โจทก์ นั้น ชอบแล้ว ฎีกา โจทก์ ฟัง ไม่ ขึ้น
พิพากษา ยืน.

Share